รมว.สาธารณสุข นำ รมว.ศึกษาธิการ ลงพื้นที่ รร.สุรศักดิ์มนตรี ตรวจเยี่ยมการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ พร้อม ขอผู้ปกครองให้เด็กนร.ฉีดวัคซีน เร่งสร้างภูมิคุ้มกันทันเปิดภาคเรียน เผยไทย ได้ไฟเซอร์เพิ่ม 1.5 ล้านโดส
วันที่ 6 ต.ค. 2564 ที่โรงเรียนสุรศักดิ์มนตรีกรุงเทพฯ นายอนุทินชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข พร้อมด้วย น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ, คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รมช.ศึกษาธิการ และ นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ พร้อมด้วยคณะผู้บริหารจากทั้ง 2 กระทรวง มาเยี่ยมชมการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด -19 แก่เด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป โดยนายอนุทิน กล่าวว่า จำเป็นต้องเร่งบริการวัคซีนแก่เด็ก ให้ทันการเปิดภาคเรียนในเดือนพ.ย.นี้ ขอย้ำว่า วัคซีนไฟเซอร์ ที่นำมาฉีดแก่เด็ก มีคุณภาพ และความปลอดภัย สามารถป้องกันการป่วยหนักและเสียชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีเด็กที่อยู่ในเกณฑ์ได้รับวัคซีนประมาณ 5 ล้านคน ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการ รายงานว่ามีเด็กลงทะเบียนฉีดวัคซีนแล้วประมาณ 3.8 ล้านคน ส่วนที่เหลือก็ต้องให้ผู้ปกครองยินยอมทั้งนี้ ต้องช่วยกันประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจถึงความจำเป็นในการรับวัคซีน การให้บริการวัคซีนแก่นักเรียน ได้ให้บริการในสถานศึกษา เพื่ออำนวยความสะดวก และเร่งการฉีดให้ได้มากเพียงพอตามเป้าหมาย ในพื้นที่จังหวัดต่างๆ โรงพยาบาล และนายแพทย์สาธารณสุขประจำจังหวัด ต้องประสานกับสถานศึกษา ทำงานร่วมกัน “วันนี้ ไทยได้รับวัคซีนไฟเซอร์ ล็อตล่าสุด และในเดือน ตุลาคมจะมีวัคซีนไฟเซอร์ประมาณ 8 ล้านโดสเข้ามาในระบบบริการ หากเด็กมารับการฉีดทุกคน ในเดือนนี้ จะใช้วัคซีนประมาณ 5 ล้านโดสที่เหลือจะนำไปใช้เป็นเข็ม 3 รวมไปถึงให้บริการตามเกณฑ์ที่แพทย์กำหนด”นายอนุทิน กล่าวด้วยว่า การฉีดเข็ม 3 นั้น ขอให้ประชาชนลงทะเบียน ไปจนถึงเข้ารับบริการตามการนัดหมาย ทางภาครัฐ จะเร่งจัดหาวัคซีน ให้ทันต่อความต้องการ ประเทศไทยบรรลุสัญญากับแอสตร้าเซนเนกา ในการจัดหาวัคซีน 60 ล้านโดสสำหรับปี 2564 แล้วขณะนี้ได้มีการ หารือกับหลายบริษัทผู้ผลิต รวมถึงไฟเซอร์ ขณะที่วัคซีนของไทย ก็อยู่ในขั้นตอนการศึกษาวิจัย คาดว่าปีหน้า อาจได้ใช้จริงกับประชาชนต่อข้อถามถึงการให้บริการวัคซีนแก่เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี นายอนุทิน กล่าวว่า หลายทีมผู้ผลิตมีการศึกษาวิจัย ไปจนถึงนำไปทดลองในบางพื้นที่ แต่ อย.ไทย ก็ต้องรอข้อมูลเพิ่มเติม ถึงจะพิจารณาดำเนินการได้ เรื่องความปลอดภัย จำเป็นต้องพิจารณด้วยความรอบคอบ “ปัจจุบันไทยมีการประสานนำเข้าวัคซีนของแอสตร้าเซนเนกา เพื่อมาฉีดให้คนไทย และผู้ที่พำนักพักพิงในไทย รวมไปถึงกลุ่มแรงงานก็ต้องได้ฉีดด้วย ส่วนในเรื่องของกฎหมายการเข้าเมือง ก็ต้องให้เจ้าหน้าที่ไปจัดการ”