มาแล้ว! รมว.สาธารณสุข นำคณะรับวัคซีนไฟเซอร์ เพื่อเตรียมฉีดให้เด็กนักเรียน 2 ล้านโดสแรก เผยอายุ 12-18 ปี จะให้ฉีดยี่ห้อเดียว พร้อมเจรจาวัคซีนล็อตใหม่สำหรับปี2565ต่อไป
วันที่ 29 ก.ย.2564 ที่ ศูนย์กระจายสินค้า ของบริษัท ดีเอชแอล เขตปลอดอากร และคลังสินค้า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) พร้อมด้วย นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เดินทางไปรับมอบวัคซีนไฟเซอร์ จำนวน 2,000,700 โดส ที่ขนส่งมาจากสหรัฐอเมริกาโดยสายการบิน ดีเอชแอล (DHL) เที่ยวบินที่ 3 L 350 ซึ่งได้เดินทางมาถึงประเทศไทยเวลา 4.35 น. ของวันนี้นายอนุทิน กล่าวว่า ในวันนี้ได้เดินทางมาดูความพร้อมของวัคซีนไฟเซอร์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวัคซีนล็อตแรกจำนวนทั้งหมด 30 ล้านโดส ที่ทางรัฐบาลไทยได้ทำการจัดซื้อไว้ ซึ่งที่เหลือก็จะทำการส่งมาที่ประเทศไทยภายในสิ้นปีนี้อย่างแน่นอน เพราะทางผู้จัดการใหญ่ของไฟเซอร์ประเทศไทยก็ได้ยืนยันกับ สธ. เป็นที่เรียบร้อย
“วันนี้วัคซีนมาประมาณ 2 ล้านโดส และในเดือนตุลาคมนี้อีก 6 ล้านโดส โดยจะเข้ามาทุกวันพุธของทุกสัปดาห์ และไฟเซอร์จะทำการจัดส่งไปยังที่หมายตามที่กรมควบคุมโรคกำหนดไว้ทั่วประเทศ เพราะราคาที่จัดซื้อมานี้รวมค่าจัดส่งแล้ว การจัดส่งจะเป็นแบบ door to doorซึ่งวันนี้ถือว่าเป็นเดือนตุลาคมแล้ว ซึ่งโดยรวมในเดือนตุลาคมจะมีวัคซีนไฟเซอร์ 8 ล้านโดส และเป้าหมายหลักที่จะฉีดคือลูกๆ หลานๆ อายุ 12 ปีขึ้นไปอย่างเร็วที่สุด โดยวัคซีนเด็กจะใช้ประมาณ 10 ล้านโดส เพราะเด็กช่วงอายุ 12-18 ปี ในประเทศไทยมีอยู่ประมาณ 5 ล้านกว่าๆ ซึ่งเรามี 30 ล้านโดส ยังไงก็พอสำหรับเด็กอยู่แล้ว ส่วนที่เหลือก็จะนำไปฉีดให้ประชาชนทั่วไป” นายอนุทิน กล่าวและว่าทั้งนี้ ได้มีการวางแผนการฉีด ไม่ว่าจะเป็น ซิโนแวค + แอสตร้าเซนเนก้า และต่อมาจะเป็น แอสตร้าฯ + ไฟเซอร์ เป็นต้น โดยจะทำการฉีดทุกๆ วิธี ทุกๆ แนวทางที่ทางตามมติของอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันวัคซีน โดยจะฉีดแบบไหนก็ตามที่จะทำให้ภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้นสูงสุด ก็จะทำการฉีดแบบนั้น โดยเฉพาะในการฉีดไขว้ตามมติคณะอนุกรรมการด้านเสริมภูมิคุ้มกันกันที่มีมติสูตรการฉีดที่จะทำให้มีภูมิคุ้มกันสูงที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการฉีดซิโนแวคเข็มแรก แอสตร้าเซนเนก้าเข็มที่2 หรือแอสตร้าเซนเนก้าเข็มแรก และไฟเซอร์เข็มที่2 หลังจากรับวัคซีนล็อตนี้แล้วกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และอย. จะดำเนินการตรวจรับตามขั้นตอนและเร่งให้มีการกระจายวัคซีนไปยังพื้นที่เป้าหมายต่างๆ ทั่วประเทศเร็วที่สุด โดยคาดว่าจะเริ่มฉีดวัคซีนไฟเซอร์ได้ตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป“เอาอย่างนี้นะ วัคซีนที่จะนำมาฉีดให้แก่เด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป คือ วัคซีนไฟเซอร์อย่างเดียว ยี่ห้ออื่นยังอยู่ในระหว่างการเตรียมเอกสาร และจะต้องผ่านขั้นตอนที่ทางองค์การอาหารและยา (อย.) กำหนดไว้ด้วย และเด็กทั่วประเทศต้องได้รับวัคซีน โดยจากนี้ไปจะมาทุกสัปดาห์เหมือนจะทุกๆ วันพุธ เพราะฉะนั้น ไม่ต้องกังวล ในสัญญาของเราผู้ขายจะทำการจัดส่งไปยังปลายทางที่ทางกรมควบคุมโรคได้กำหนดไว้ทั่วประเทศ” นายอนุทิน กล่าวและว่า
เริ่มแรกอาจจะต้องนำไปฉีดที่โรงเรียน เพราะก่อนหน้านี้มีวัคซีนที่สหรัฐอเมริกาบริจาคเข้ามา 1.5 ล้านโดส ซึ่งได้ทำการฉีดไปเกือบหมดแล้ว และไม่ได้มีผลข้างเคียง หรือก่อให้เกิดอาการแพ้ใดๆ ที่เป็นนัยยะสำคัญ โดยจะมีการเตรียมอุปกรณ์ แพทย์ พยาบาลสำหรับในภาวะฉุกเฉินไว้รองรับ“นอกจากนี้ ทาง สธ.กำลังเจรจากับทางไฟเซอร์ สำหรับการสั่งจองวัคซีนปีหน้า และได้มีการเจรจาระดับหนึ่งแล้ว ซึ่งก็ขอให้ไฟเซอร์ลดราคาเยอะๆ ให้กับพวกเรา เพราะว่าวัคซีนไฟเซอร์ก็จะมาสร้างเสริมความมั่นใจให้กับพี่น้องคนไทย ทำให้ประเทศไทยมีวัคซีนทุกๆ เทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็นวัคซีนทางเลือก (mRna) วัคซีนเชื้อตาย และไวรัลเวคเตอร์ และถ้าหากทำการทดลองสำเร็จเราจะมีวัคซีนโปรตีน ยูนิทเบสเข้ามา ซึ่งผมคิดว่ามันน่าจะเพียงพอสำหรับการดูแล ให้ความปลอดภัยกับพี่น้องประชาชนได้แล้ว ในปีหน้าจะเป็นการฉีดบูสเตอร์โดส ดังนั้น ความกดดันต่างๆ มันจะหายไปแล้วเพราะส่วนใหญ่ก็ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว” นายอนุทิน กล่าวในที่สุด