เสนอ ศบค.ชุดใหญ่ ลดเวลาเคอร์ฟิว คลายกิจกรรม ชงพื้นที่สีฟ้านำร่องท่องเที่ยว

42

จ่อเสนอ ศบค.ชุดใหญ่ ต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 2 เดือน ผ่อนคลาย 10 กิจกรรม ลดเวลาเคอร์ฟิว ส่วนคนฉีดวัคซีนครบเข้าไทยลดเวลากักตัวเหลือ 7 วัน ชงพื้นที่สีฟ้านำร่องท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจคู่ควบคุมโรค

วันที่ 24 ก.ย. 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาล ว่า ที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) เตรียมเสนอแนวทางผ่อนคลายมาตรการกิจการกิจกรรมต่างๆ ต่อที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. เป็นประธานการประชุมในวันที่ 27 ก.ย. นี้ โดยจะเสนอให้พิจารณาขยายระยะเวลาการประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) ออกไปอีก 2 เดือน หรือถึงวันที่ 30 พ.ย. 2564 และจะเสนอให้เลื่อนการเปิดพื้นที่ Sandbox ในพื้นที่จังหวัดต่างๆ ที่ก่อนหน้านี้เตรียมจะให้ 5 จังหวัดเป็นพื้นที่นำร่อง จากเดิมที่วางแผนไว้ว่าจะเปิดในวันที่ 1 ต.ค. ขยับไปเป็นวันที่ 1 พ.ย. 2564

นอกจากนี้ จะเสนอให้ผ่อนคลายกิจการกิจกรรมที่ถูกสั่งปิดเพิ่มขึ้น 10 ประเภท ได้แก่ 1. ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก และวัยก่อนเรียน 2. ห้องสมุดสาธารณะ ห้องสมุดเอกชน ห้องสมุดชุมชน 3. พิพิธภัณฑ์ แหล่งประวัติศาสตร์ โบราณสถาน 4. ศูนย์การเรียนรู้ ศูนย์วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรม หอศิลป์ 5. กีฬาในร่ม ในห้องที่มีระบบปรับอากาศ ฟิตเนส 6. ร้านทำเล็บ 7. ร้านสัก 8. ร้านนวด สปา เพื่อสุขภาพ 9. ธุรกิจโรงภาพยนตร์ ฉายภาพยนตร์ 10. การเล่นดนตรีในร้านอาหาร แต่ท้ังนี้ ผู้ประกอบการต้องมีการตรวจสอบและปรับปรุงระบบหมุนเวียนอากาศ และจัดสถานที่ให้เป็นไปตามมาตรการ COVID-Free Setting ก่อนเปิดบริการ

ในส่วนของศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า สถานที่กลุ่มกีฬากลางแจ้ง ที่ร่มโล่ง มีอากาศถ่ายเทสะดวก การซ้อมของนักกีฬาทีมชาติไทยทุกประเภท และร้านสะดวกซื้อ ตลาดสด ตลาดนัด ขยายเวลาเปิดให้บริการไม่เกินเวลา 21.00 น. จากเดิมที่เปิดบริการได้ถึง 20.00 น. ขณะเดียวกัน จะเสนอให้พิจารณาให้ปรับเวลาห้ามออกนอกเคหสถาน (เคอร์ฟิว) จากเดิม 21.00 น. – 04.00 น.ของรุ่งขึ้น ขยับเป็นเวลา 22.00 น. – 04.00 น.ของวันรุ่งขึ้น และจะเสนอปรับลดระยะเวลาในการกักตัวในสถานที่กักกันของรัฐ โดยให้ผู้เดินทางเข้าประเทศไทยในทุกช่องทางที่มีเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนครบตามเกณฑ์มาแล้วอย่างน้อย 14 วัน ให้กักตัวอย่างน้อย 7 วัน และต้องตรวจหาเชื้อด้วยวิธี RT-PCR 2 ครั้ง ครั้งแรกวันที่ 0-1 ครั้งสองวันที่ 6-7 ส่วนผู้ที่เดินทางเข้าประเทศซึ่งโดยสารมาทางเครื่องบิน และไม่มีเอกสารรับรองการฉีดวัคซีน ให้กักตัวอย่างน้อย 10 วัน และต้องตรวจหาเชื้อด้วยวิธี RT-PCR 2 ครั้ง ครั้งแรกวันที่ 0-1 ครั้งสองวันที่ 8-9 สำหรับผู้เดินทางเข้าประเทศไทยทางช่องทางบก และไม่มีเอกสารรับรองการฉีดวัคซีน ให้กักตัวอย่างน้อย 14 วัน และตรวจหาเชื้อด้วยวิธี RT-PCR 2 ครั้ง ครั้งแรกวันที่ 0-1 ครั้งสองวันที่ 12-13 โดยคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. เป็นต้นไป

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับการเข้าพักที่โรงแรมกักตัวทางเลือกหรือ Alternative Quarantine (AQ) อนุญาตให้ทำกิจกรรมออกกำลังกายกลางแจ้ง ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน สั่งซื้อสินค้าและอาหารจากภายนอก และประชุมสำหรับนักธุรกิจระยะสั้นได้ ส่วนสถานกักกันของรัฐ หรือ State Quarantine (SQ) และการกักกันผู้เดินทางในสถานที่เอกเทศ ซึ่งดำเนินการโดยองค์กร หรือหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนหรือ Organizational Quarantine (OQ) อนุญาตให้ทำกิจกรรมออกกำลังกายกลางแจ้ง สั่งซื้อสินค้าและอาหารจากภายนอกได้

ที่ประชุม ศปก.ศบค. ยังจะเสนอให้พิจารณาแนวทางการเปิดพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยวในพื้นที่ที่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 น้อยมาก หรือพื้นที่สีฟ้า โดยกำหนดรูปแบบการท่องเที่ยวขึ้นอยู่กับลักษณะและความพร้อมของพื้นที่สีฟ้า คือการจัดพื้นที่ที่สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ทั้งจังหวัด รวมถึงการจัดพื้นที่สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ทั้ง อำเภอ ตำบล หรือหมู่บ้าน ขึ้นอยู่กับความพร้อมของพื้นที่ นอกจากนี้ ยังต้องดูเรื่องการจัดพื้นที่ที่สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ เฉพาะสถานที่ เฉพาะพื้นที่หรือระหว่างสถานที่ ระหว่างสถานที่หรือระหว่างพื้นที่ โดยระบบการเดินจะต้องเป็นแบบ Bubble and Seal ที่เรียกว่า Sealed Route

ทั้งนี้ ที่ประชุม ศปก.ศบค. เห็นว่า การพิจารณาผ่อนคลายกิจการกิจกรรมครั้งนี้ จะต้องตอบโจทย์เรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจควบคู่กับการควบคุมโรคอย่างเหมาะสม โดยต้องมีแผนเตรียมการและทรัพยากรรองรับสถานการณ์ ทางด้านการจัดการด้านการแพทย์และสาธารณสุข เพื่อให้เกิดความปลอดภัย ป้องกันการแพร่ระบาด รวมทั้งสร้างความมั่นใจแก่นักท่องเที่ยว และประชาชนในพื้นที่เป็นหลัก.