“ราชทัณฑ์” รับนโยบาย”สมศักดิ์”ดัน”นิคมอุตสาหกรรมราชทัณฑ์”คืนผู้ต้องขังสู่สังคม

กรมราชทัณฑ์ ปลื้ม ภาคเอกชน ขานรับ “นิคมอุตสาหกรรมราชทัณฑ์” อ้าแขนรับนักโทษ 1,000 คน ร่วมเสริมกำลังการผลิต-ขับเคลื่อนอุตสาหกรรม หลังนำร่อง “สมุทรปราการ โมเดล” คืนคนดีสู่สังคม  พบมีบริษัทชั้นนำ จ่อรอรับเพิ่ม อีกจำนวนมาก

วันที่ 21 ก.ย. 2564 นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า ตามที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญ ในเรื่องมนุษยชนและต้องการให้โอกาสผู้ต้องขังได้กลับตัวเป็นพลเมืองดีของสังคมอีกครั้ง จึงได้ริเริ่มโครงการ “นิคมอุตสาหกรรมราชทัณฑ์ คืนคนดีสู่สังคม เปลี่ยนภาระให้เป็นพลัง” ภายหลังได้นำร่องโครงการที่จังหวัดสมุทรปราการเป็นแห่งแรก ในโครงการ “สร้างงาน สร้างอาชีพ ฝึกทักษะการทำงานในภาคอุตสาหกรรม” หรือ “สมุทรปราการ โมเดล”ด้วยการทดลองนำผู้ได้รับการพักการลงโทษและถูกคุมประพฤติโดยติดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หรือ กำไล EM จำนวน 1,000 ราย ออกไปทำงานในสถานประกอบการนิคมอุตสาหกรรม ช่วยเสริมกำลังการผลิตให้กับภาคอุตสาหกรรมที่ขาดแคลนแรงงานในการขับเคลื่อนระบบการผลิต หลังจากเกิดปัญหาแรงงานต่างด้าวจำนวนมากถูกผลักดันให้กลับประเทศจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างรุนแรงล่าสุด บริษัทเอกชนหลายแห่งได้ให้ความสนใจตอบรับผู้ต้องขังที่ได้รับการพักโทษและ ติดกำไล EM ไปทำงาน พร้อมจัดหาที่พักและสวัสดิการตามที่กฎหมายกำหนด นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายบริษัท ที่ติดต่อเข้ามายังกรมราชทัณฑ์ เพื่อขอจ้างงานระยะยาวภายหลังจากสถานการณ์โรคโควิด-19 เข้าสู่ภาวะปกติ ซึ่งมีความต้องการ คนประมาณ 300-400“การสร้างงานรวมถึงการให้ความรู้ทางวิชาชีพเป็นเรื่องสำคัญที่ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ติดตามใกล้ชิดและกำชับมาตลอดว่า กรมราชทัณฑ์ต้องทำให้เสร็จลุล่วง สิทธิของผู้ต้องขัง ต้องเสมอภาคเพราะเขาคือประชาชนคนไทยเช่นเดียวกัน ดังนั้น เมื่อพ้นโทษพวกเขาต้องมีงานทำและสามารถเดินอยู่ในสังคมได้ มีงาน มีรายได้ ไม่หวนกลับไปกระทำผิดซ้ำ เฉกเช่นเดิม” อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าว และว่า

ก่อนการส่งผู้ต้องขังเข้าทำงานในนิคมอุตสาหกรรม กรมราชทัณฑ์จะคัดเลือกผู้ต้องขังชั้นกลางขึ้นไปที่เข้าเกณฑ์ครบกำหนดปล่อยตัว เข้าโครงการเตรียมความพร้อมฝึกทักษะการทำงาน 1-2 ปี และเมื่อผู้ต้องขังผ่านการฝึกอบรมแล้ว จะได้รับการพิจารณาให้เข้าสู่โครงการพักการลงโทษ กรณี มีเหตุพิเพื่อออกไปทำงานจริงในนิคมอุตสาหกรรม ภายหลังการปล่อยตัวพ้นโทษและติดอุปกรณ์ EM ควบคู่กับการดูแลผู้กระทำผิดหลังปล่อยทั้งระบบนายอายุตม์ กล่าวต่อว่า โครงการดังกล่าวยังช่วยแก้ไขปัญหานักโทษล้นเรือนจำด้วย เนื่องจากสถานการณ์การเพิ่มขึ้นของผู้ต้องขังอย่างต่อเนื่อง ทำให้ปัจจุบันกรมราชทัณฑ์มีผู้ต้องขังอยู่ในความควบคุมดูแลจำนวนมาก305,447คน ขณะที่ศักยภาพภายในเรือนจำและทัณฑสถานสามารถรองรับได้เพียง 299,048 คนกรมราชทัณฑ์จึงได้ดำเนินการการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมราชทัณฑ์ เพื่อลดความแออัดที่จะส่งผลกระทบต่อการบริหารงานเรือนจำหลายๆ ด้าน อีกทั้งจากสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน คาดการณ์ว่าภายใน 10 ปี จะมีอัตราการเพิ่มของผู้ต้องขังสูงขึ้น และในจำนวนนี้ จะมีผู้พ้นโทษกลับมากระทำผิดซ้ำเพิ่มขึ้นด้วย ดังนั้นเพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ กรมราชทัณฑ์จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าโครงการดังกล่าวจะเพิ่มโอกาสให้ผู้พ้นโทษมีพื้นที่ยืนในสังคมมากขึ้น กลับไปเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่สามารถเติมเต็มและขับเคลื่อนชุมชนเศรษฐกิจสังคมอย่างยั่งยืน ไม่ทำร้ายสังคมไม่กลับมากระทำผิดซ้ำอีกต่อไป