หมอกควันเชียงรายเข้าขั้นวิกฤตอันตรายสุดในภาคเหนือ ทั้งไทย-เมียนมาลอบเผาป่า เชียงใหม่อ่วมไม่แพ้กัน

หมอกควันเชียงรายเข้าขั้นวิกฤตอันตรายสุดในภาคเหนือ ทั้งไทย-เมียนมาลอบเผาป่า เชียงใหม่อ่วมไม่แพ้กัน

วันนี้ (25 มี.ค. 60) เหนือท้องฟ้าทั่วจังหวัดเชียงราย โดยเฉพาะในอำเภอแม่สาย ทั้งบนท้องถนนและฝั่งจังหวัดท่าขี้เหล็กสหภาพเมียนมา ยังคงมองเห็นหมอกควันสีเทาลอยปกคลุม และส่งผลให้ทัศนะวิสัยการมองเห็นสั้นลง ผลการตรวจวัดค่าหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 10 ไมโครกรัมที่สถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศ หน้าสำนักงานสาธารณสุขอำเภอแม่สาย เมื่อเวลา 09.00น.วันนี้ วัดได้ 168 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งเป็นปริมาณที่ส่งผลต่อสุขภาพและสูงเกินค่ามาตรฐานที่ 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ติดต่อกันเป็นวันที่ 4 และสูงสุดในภาคเหนือ

ส่วนสาเหตุมาจากการที่มีกระแสลมพัดเอาหมอกควันมาจากประเทศเพื่อนบ้านลอยเข้ามาในฝั่งไทย ส่วนผลการตรวจวัดค่าหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็กที่สถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศ หน้าสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ภายในเขตเทศบาลนครเชียงรายวัดได้ 119 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร แม้จะยังไม่สูงเกินค่ามาตรฐาน แต่มีแนวโน้มเพิ่มสูงหลังพบว่ายังคงมีการลักลอบจุดไฟเผาเศษวัชพืช

ขณะที่สภาพอากาศในตัวเมืองเชียงใหม่ ยังคงถูกปกคลุมไปด้วยหมอกควันหนาทึบติดต่อกันนานนับสัปดาห์ ขณะที่ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 10 ไมโครกรัม สูงเกินมาตรฐานที่ 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรเป็นวันที่ 2 โดยที่สถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศ ภายในศูนย์ราชการจังหวัดเชียงใหม่ ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กวัดได้ 122 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

ทั้งนี้ มลพิษทางอากาศที่เกิดขึ้นไม่เพียงส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนและนักท่องเที่ยวที่เริ่มมีอาการแสบตาแสบจมูก ยังส่งผลต่อพ่อค้าแม่ค้าตามแหล่ง ท่องเที่ยวที่รายได้หายไปมากกว่าครึ่ง อย่างเช่นที่จุดชมวิวก่อนถึงวัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร พ่อค้าแม่ค้ากล่าวว่า หลังจากหมอกควันเริ่มหนานักท่องเที่ยวก็ลดลง พร้อมกับเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ใช้มาตรการเด็ดขาดกับผู้ที่ลักลอบเผาป่า รวมทั้งหาวิธีการลดปริมาณหมอกควันโดยเร็ว