คณะกก.อิสลามจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นำญาติผู้เสียชีวิต จากโควิด-19 หารือกับ ผอ.รพ.บางปะอิน เพื่อหาแนวทางนำศพผู้เสียชีวต ทำตะยัมมุม โดยแพทย์จะให้จนท.ห่อศพด้วยผ้าขาว4ชั้น และแนะให้ไปทำการตะยุมที่ กุโบร์
วันที่11 ส.ค.2564 เวลา 09.00 น. ฝ่ายประสานราชการ และ ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา บูรณาการร่วมกับ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นำโดย พ.อ.อนันต์ รื่นพิทักษ์ หัวหน้าฝ่ายข่าว กอ.รมน.ฯ พร้อมด้วยทายาทของผู้เสียชีวิต ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่ ต.บ้านพลับ อ.บางปะอิน ได้เข้าพบ ผอ.รพ.บางปะอิน เพื่อร่วมประชุมหาทางปัญหาในการจัดการศพมุสลิม ที่ เสียชีวิตด้วยโรคติดเชื้อโควิด-19 ที่ห้องประชุมโรงพยาบาลบางปะอิน ภายหลังจากทายาทผู้เสียชีวิต ที่เสียชีวิต เมื่อวันอาทิตย์ที่ 8 ส.ค. ที่ผ่านมา แจ้งว่าไม่ได้รับความร่วมมือในการอำนวยความสะดวกเกี่ยวกับการจัดการศพ ในเรื่องการเข้าไปตะยัมมุมที่โรงพยาบาล และ ความล่าช้าในการแจ้งการเสียชีวิตเบื้องต้นได้ข้อสรุปว่าปัญหาเกิดจากการสื่อสารไม่เข้าใจกัน ระหว่างฝ่ายทายาทผู้เสียชีวิต กับ บุคคลากรทางการแพทย์ ซึ่งทางบุคลากรทางการแพทย์ เข้าใจว่าทางญาติผู้เสียชีวิตจะขอเข้าไปจัดการศพในห้องผู้ป่วย ซึ่งในหลักการแพทย์ทำไม่ได้ เพราะจะเป็นการแพร่กระจายของเชื้อโรค และจะเป็นอันตรายอาจจะได้รับการติดเชื้อได้ เพราะทางโรงพยาบาลฯ ไม่มีห้องปลอดเชื้อที่จะดำเนินการได้ และไม่มีสถานที่ที่เหมาะสม ซึ่งในโอกาสที่มีผู้เสียชีวิตในคราวต่อไป ทางแพทย์ได้แนะนำให้ไปทำ ตะยัมมุมที่กุโบร์จะดีกว่า โดยหลังจากเจ้าหน้าที่ได้ทำการห่อศพด้วยผ้าขาว 4 ชั้น พร้อมฉีดน้ำยาฆ่าเชื้อและรูดซิบเรียบร้อยแล้ว ให้นำถุงศพบรรจุลงในโลง แต่ยังไม่ได้มีการซีนฝาโลง พร้อมทำเครื่องหมายบอกด้านศีรษะและด้านเท้าอย่างชัดเจน และให้มูลนิธิอาสาสมัครเคลื่อนย้ายศพไปที่กุโบร์
จากนั้นเจ้าหน้าที่ฯ จะเปิดฝาโลงแล้วให้ผู้มีหน้าที่ทำการตะยัมมุมบนถุงบรรจุศพ โดยให้ผู้ที่ทำหน้าที่ตะยัมมุมสวมชุดอุปกรณ์ป้องกันเต็มชุด และจัดศพผู้เสียชีวิตในท่านอนตะแคงขวาปิดฝาโลง แล้วให้ทำพิธีละหมาด และดำเนินการฝังศพผู้เสียชีวิตที่บรรจุในถุงในท่านอนตะแคงอยู่ในโลงศพหันหน้าไปทางกิบลัต (ทิศตะวันตก) โดยเร็ว
ส่วนความล่าช้าในเรื่องการแจ้งการเสียชีวิตนั้น ทางโรงพยาลยอมรับและพร้อมที่จะปรับปรุงแก้ไขในโอกาสต่อไป สำหรับการเสียชีวิตที่บ้านพัก กรณีอาจสงสัยว่าจะเสียชีวิตด้วยโรคโควิด 19 หรือไม่อย่างไรนั้น ให้กำนัน/ผู้ใหญ่บ้าน แจ้งไปยังสถานีตำรวจภูธรบางปะอิน โดยฝ่ายตำรวจจะประสานกับโรงพยาบาลบางปะอินจัดส่งเจ้าหน้าที่มารับศพนำไปทำการชันสูตร เพื่อให้เป็นไปตามมาตรการด้านสาธารณสุขในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด ๑๙ (ตามประกาศจุฬาราชมนตรี ฉบับที่ ๘/๒๕๖๔ ลงวันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๖๔ ) แต่ระยะเวลาอาจจะล่าช้าประมาณ 2- 3 วัน จึงจะทราบผลการชันสูตร แต่ถ้าหากว่าทางเครือญาติผู้เสียชีวิตไม่ติดใจสงสัย กล่าวคือ เชื่อว่าไม่ได้เสียชีวิตด้วยโรคโควิด 19 ก็สามารถดำเนินการจัดการศพไปตามปกติได้