ครม. เคาะเยียวยาประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจาก โควิด-19 แพร่ระบาดแล้ว โดย ขยายกรอบวงเงินให้ ม. 33 จากเดิม 15กว่าล้าน เป็น 17 กว่าล้านบาท และ จ่ายให้ ม. 39-40 รายละ 5พันบาท 29จังหวัดสีแดงเข้ม
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2564 ว่า ครม.อนุมัติให้สำนักงานประกันสังคม (สปส.) ปรับปรุงรายละเอียดสาระสำคัญของโครงการเยียวยานายจ้าง และ ผู้ประกันตนมาตรา 33 ในกิจการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด และพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ดังนี้
1.เปลี่ยนชื่อโครงการเป็นโครงการเยียวยานายจ้างและผู้ประกันตนมาตรา 33 ในกิจการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐ ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด เพื่อให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริง 2.ขยายพื้นที่ดำเนินการจาก 13 จังหวัด เป็น 29 จังหวัด โดยเพิ่มเติม 16 จังหวัด ได้แก่ กาญจนบุรี ตาก นครนายก นครราชสีมา ประจวบคีรีขันธ์ ปราจีนบุรี เพชรบุรี เพชรบูรณ์ ระยอง ราชบุรี ลพบุรี สิงห์บุรี สมุทรสงคราม สระบุรี สุพรรณบุรี อ่างทอง
3.กรอบวงเงินโครงการ จากเดิม 15,027.6860 ล้านบาท เป็น 17,050.4145 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 2,022.7285 ล้านบาท 4.ขยายระยะเวลาให้นายจ้างในพื้นที่ 3 จังหวัด (ข้อกำหนดฯ ฉบับที่ 28) และ 16 จังหวัด (ข้อกำหนด ฉบับที่ 30) สามารถขึ้นทะเบียนประกันสังคมรายใหม่ได้ โดย สปส.จะตรวจสอบและยืนยันข้อมูลจากกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจนถึงวันที่ 24 สิงหาคมนี้
นอกจากนี้ ครม.ยังเห็นชอบกรอบวงเงิน 33,471.0050 ล้านบาท เยียวยาผู้ประกันตนตามมาตรา 39 และมาตรา 40 ในพื้นที่ 29 จังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด โดยช่วยเหลือค่าครองชีพคนละ 5,000 บาท รวมทั้งสิ้น 6,694,201 คน โดยมีหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ดังนี้ พื้นที่ดำเนินการ 29 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร นราธิวาส ปัตตานี ยะลา สงขลา ฉะเชิงเทรา ชลบุรี พระนครศรีอยุธยา นครราชสีมา ระยอง ราชบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี กาญจนบุรี ลพบุรี เพชรบูรณ์ ประจวบคีรีขันธ์ ปราจีนบุรี เพชรบุรี ตาก อ่างทอง นครนายก สมุทรสงคราม และสิงห์บุรี กลุ่มเป้าหมายรวมประมาณ 6,694,201 คน การจ่ายเงินเยียวยาให้กับผู้ประกันตนตามมาตรา 39 และมาตรา 40 จะโอนเงินให้กับผู้ประกันตนผ่านบัญชีพร้อมเพย์ (PromptPay) เฉพาะที่ผูกบัญชีกับเลขประจำตัวประชาชน
ขณะเดียวกัน ได้ให้กระทรวงแรงงาน จัดทำข้อเสนอขยายระยะเวลาการให้ความช่วยเหลือแก่กลุ่มเป้าหมายที่รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดโควิด-19 ในพื้นที่ 13 จังหวัดเพิ่มเติมอีกจำนวน 1 เดือน ซึ่งจะช่วยให้การให้ความช่วยเหลือนายจ้างและผู้ประกันตนในพื้นที่ดังกล่าวเป็นไปอย่างต่อเนื่อง
น.ส.ลัดดา แซ่ลี้ โฆษกสำนักงานประกันสังคม (สปส.) เปิดเผยว่า หลังจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติมาตรการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประกอบการ และผู้ประกันตนมาตรา 33 ที่ได้รับผลกระทบจากคำสั่งล็อกดาวน์พื้นที่สีแดงเข้มรวม 13 จังหวัด ใน 9 ประเภทกิจการ ได้แก่ กิจการก่อสร้าง กิจการที่พักแรมบริการด้านอาหาร กิจกรรมศิลปะ ความบันเทิงและนันทนาการ กิจกรรมบริการด้านอื่นๆ สาขาการขนส่งและสถานที่เก็บสินค้า สาขาขายส่งและการขายปลีก การซ่อมยานยนต์ สาขากิจกรรมการบริหารและบริการสนับสนุน สาขากิจกรรมวิชาชีพ วิทยาศาสตร์และกิจกรรมทางวิชาการ และสาขาข้อมูลข่าวสารและการสื่อสาร โดยให้มีจ่ายเยียวยาให้กลุ่มผู้ประกอบการนายจ้างมาตรา 33 จำนวน 3,000 บาท สูงสุดลูกจ้างไม่เกิน 200 คน ซึ่ง สปส.พร้อมเริ่มโอนเงินงวดแรกในวันนี้ (10 ส.ค.) ให้นายจ้าง 13 จังหวัดสีแดงเข้ม เป็นเงิน 94,719,000 บาท ซึ่ง สปส.จะโอนเงินเข้าบัญชีพร้อมเพย์ผูกหมายเลขบัตรประชาชน สำหรับนายจ้างเป็น บุคคลธรรมดา ส่วนกรณีที่นายจ้างเป็นนิติบุคคลจะโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากตามที่นายจ้างได้แจ้งกับ สปส.