“ศักดิ์สยาม”เตรียมความพร้อม ส่งผู้ป่วยโควิด กลับภูมิลำเนา7จังหวัดอีสานตอนล่าง

กระทรวงคมนาคม ประชุมเตรียมความพร้อม อำนวยความสะดวก การเดินทางของผู้ป่วยโควิด-19 ในพื้นที่ 7 จังหวัด เข้ารับการรักษาภูมิลำเนา ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง

ตามที่ ครม.มีมติเมื่อ 21 ก.ค. 2564 มอบหมายให้รัฐมนตรีทุกคน รับผิดชอบในการประสานการดำเนินงานจัดส่งผู้ป่วยกลับไปเข้ารับการรักษาในจังหวัดภูมิลำเนา โดยนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ได้รับผิดชอบการจัดส่งผู้ป่วย ใน 6 จังหวัด ได้แก่ บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี อำนาจเจริญ ยโสธร และ นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล และนายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม รับผิดชอบการจัดส่งผู้ป่วยจังหวัดนครราชสีมา

โดยล่าสุด นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ได้ประชุมติดตามการเตรียมการส่งผู้ป่วยโควิด-19 กลับภูมิลำเนา ในพื้นที่ 7 จังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง เมื่อวันที่ 6 ส.ค.ที่ผ่านมา 2564 ด้วย Application “Zoom” โดยมี นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รมช.คมนาคม และผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงคมนาคม ประกอบด้วย นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านการขนส่ง อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย

สำหรับการเดินทางของผู้ป่วยโควิด-19 ในพื้นที่ 7 จังหวัด ตั้งแต่ 21 ก.ค. 2564-5 ส.ค. 2564 โดยมีการดำเนินงานสำคัญที่ผ่านมา คือ เมื่อวันที่ 27 ก.ค. 2564 เริ่มจากสถานีรถไฟรังสิต ไปยังปลายทางที่ จังหวัดอุบลราชธานี โดยใช้ขบวนรถไฟ CNR ขบวนพิเศษขบวนใหม่ของ รฟท. ซึ่งเป็นรถนั่ง และนอนปรับอากาศ ห้องน้ำระบบปิด มีระบบปรับอากาศเหมือนกับบนเครื่องบิน

นอกจากนี้ ยังมีการนำรถบัสโดยสารของ บขส. รับส่งผู้ป่วยจาก กรมการขนส่งทหารบก (บางเขน) ไปยังจังหวัดอำนาจเจริญ เมื่อวันที่ 2 และ 4 ส.ค. 2564 โดยได้ปรับปรุงรถโดยสาร และกั้นห้องโดยสารระหว่างพนักงานขับรถ เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และห้องโดยสาร การปรับระบบปรับอากาศบนรถ นำพลาสติกมาหุ้มบริเวณเบาะ เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อระหว่างการเดินทาง รวมทั้ง กรมการขนส่งทางบก ดำเนินการรับผู้ป่วยจาก จังหวัดนนทบุรี ไปส่งที่ศูนย์ขนส่งทหารบก บางเขน เมื่อวันที่ 2 ส.ค. 2564 และได้มีการสนธิกำลังกับหน่วยงานในระดับจังหวัดเพื่ออำนวยความสะดวกการเดินทางของผู้ป่วยให้สามารถกลับไปยังภูมิลำเนาได้อย่างสะดวก และปลอดภัย

ทั้งนี้ ภาพรวมของการรับ – ส่งผู้ป่วยกลับไปยังพื้นที่ภูมิลำเนาภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 7 จังหวัด มียอดสะสม ณ วันที่ 5 ส.ค. 2564 รวมทั้งสิ้น 2,824 ราย โดยมีผลการดำเนินการรายจังหวัด ดังนี้

จังหวัด นครราชสีมา
– ผู้ป่วยสะสมที่รับกลับมายังจังหวัด : รวม 404 คน (ไม่รวมผู้เดินทางด้วย รถส่วนตัว)
– การรับ-ส่งระหว่างจังหวัด : จัดหารถ อบจ. รถมูลนิธิ รถโรงพยาบาลเพื่อไปรับผู้ป่วยจากจังหวัดต้นทางกลับจังหวัดนครราชสีมา
– การรับส่งเข้าสู่โรงพยาบาล/โรงพยาบาลสนาม/ศูนย์พักคอย : มีการรับ-ส่งผู้ป่วยถึงที่พัก (Door-to-Door)

จังหวัด บุรีรัมย์
– ผู้ป่วยสะสมที่รับกลับมายังจังหวัด : รวม 458 คน โดยรับจาก 1330 และจากโครงการ “อุ้มลูกหลานกลับบ้าน” (ไม่รวมผู้เดินทางด้วยรถส่วนตัว)
– การรับ-ส่งระหว่างจังหวัด : จัดหารถมูลนิธิ รถพยาบาลทหาร เพื่อรับ-ส่ง ผู้ป่วยกลับจังหวัดบุรีรัมย์ จากจังหวัดต้นทาง
– การรับส่งเข้าสู่โรงพยาบาล/โรงพยาบาลสนาม/ศูนย์พักคอย : มีการรับ-ส่งผู้ป่วยถึงที่พัก (Door-to-Door)

จังหวัด สุรินทร์
– ผู้ป่วยสะสมที่รับกลับมายังจังหวัด : รวม 395 คน (ไม่รวมผู้เดินทางด้วยรถส่วนตัว)
– การรับ-ส่งระหว่างจังหวัด : จัดหารถของ มทบ. 25 ค่ายวีรวัฒน์โยธิน และกองกำลังสุรสี รถของมูลนิธิ กลับจังหวัด
– การรับส่งเข้าสู่โรงพยาบาล/โรงพยาบาลสนาม/ศูนย์พักคอย : ใช้รถของ อปท ในการรับผู้ป่วยไปส่งยัง CI-รพ สนาม หรือ รพ.อำเภอ

จังหวัด ศรีสะเกษ
– ผู้ป่วยสะสมที่รับกลับมายังจังหวัด : รวม 211 ราย (ไม่รวมผู้เดินทางด้วยรถส่วนตัว)
– การรับ-ส่งระหว่างจังหวัด : ใช้รถบัสโดยสารรับผู้ป่วย โดยระดมทุนจากจิตอาสาบริจาคเงินเป็นค่าใช้จ่ายในการจ้างเหมารถบัสรับผู้ป่วยเดินทางภายใต้โครงการ “ศรีสะเกษไม่ทิ้งกัน” “รับพี่น้องกลับศรีสะเกษ” รวมทั้งจากภาคส่วนอื่นๆ
– การรับส่งเข้าสู่โรงพยาบาล/โรงพยาบาลสนาม/ศูนย์พักคอย : ใช้รถตู้จาก สขจ.ศก. รถพยาบาล รถทหาร ดำเนินการรับ-ส่งผู้ป่วย
ไปยังโรงพยาบาลในพื้นที่

จังหวัด อุบลราชธานี
– ผู้ป่วยสะสมที่รับกลับมายังจังหวัด : รวม 778 คน (ไม่รวมผู้เดินทางด้วยรถส่วนตัว)
– การรับ-ส่งระหว่างจังหวัด : ขนส่งผู้ป่วยจาก กทม. ไปยังจังหวัด
โดยรถไฟ 1 ขบวน และรถบัสจำนวน 19 รถตู้ 5 คัน จากการจัดหาของทางจังหวัด
– การรับส่งเข้าสู่โรงพยาบาล/โรงพยาบาลสนาม/ศูนย์พักคอย : จังหวัดจัดหารถ ทหาร มทบ.ที่ 22, รถพยาบาลของอำเภอต่างๆ, รถมูลนิธิสว่างบูชาธรรม ส่งผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลสนามแต่ละอำเภอ, ศูนย์ CI และ HI ของอำเภอต่างๆ

จังหวัด ยโสธร
– ผู้ป่วยสะสมที่รับกลับมายังจังหวัด : รวม 550 คน (ไม่รวมผู้เดินทางด้วยรถส่วนตัว)
– การรับ-ส่งระหว่างจังหวัด : มูลนิธิมูลนิธิฮุก 31 และ ฮุกเพชรเกษม จัดหารถบัส 1 คัน รถตู้ 4 คัน และรถกระบะ 1 คัน เพื่อรับ-ส่ง ผู้ป่วยจากจังหวัดต้นทางกลับภูมิลำเนา
– การรับส่งเข้าสู่โรงพยาบาล/โรงพยาบาลสนาม/ศูนย์พักคอย : มีการรับ-ส่งผู้ป่วยถึงที่พัก (Door-to-Door)

จังหวัด อำนาจเจริญ
– ผู้ป่วยสะสมที่รับกลับมายังจังหวัด : รวม 28 คน (ไม่รวมผู้เดินทางด้วยรถส่วนตัว)
– การรับ-ส่งระหว่างจังหวัด : ขนส่งผู้ป่วยจากกทม. ไปยังจังหวัดอำนาจเจริญ โดยรถบัส จำนวน 3 คัน
– การรับส่งเข้าสู่โรงพยาบาล/โรงพยาบาลสนาม/ศูนย์พักคอย : รับ-ส่ง ผู้ป่วยไปยัง รพ.สนาม แต่ละอำเภอด้วยรถพยาบาล จำนวน 22 คัน และ รถกู้ชีพ อบต. 35 แห่ง

นอกจากนี้ ที่ประชุมได้ร่วมกันหารือแนวทางการบูรณาการระหว่างหน่วยงานคมนาคม กรมการขนส่งทางบก และ สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ เพื่อรับผู้ป่วยออกจากต้นทาง ไปยังศูนย์การขนส่งผู้ป่วย สถานีรถไฟรังสิต/จุดจอดรถบัสโดยสาร บขส. หรือ ศูนย์การขนส่งทหารบก บางเขน เพื่อเตรียมจำนวนรถ และบริหารจัดการให้สอดคล้องกับจำนวนผู้ที่จะเดินทางโดยรถไฟหรือรถบัสโดยสารแต่ละเที่ยว ในรูปแบบของ Feeder ก่อนที่ส่งผู้ป่วยขึ้นรถบัสโดยสาร หรือรถไฟไปยังจังหวัดปลายทางต่อไป โดยในการประชุมครั้งนี้ รมว.ได้สั่งการให้หน่วยงานดำเนินการ ดังนี้
1. ให้กำหนดการเดินทางโดยยานพาหนะที่เหมาะสมกับปริมาณผู้ป่วยที่จะเดินทาง โดยให้ บขส. จัดเตรียมรถบัสโดยสาร และ ขบ. ดำเนินการช่วย สพฉ. ในการจัดหารถสองแถว หรือรถสามล้อที่มีการปรับแต่งซีลกั้นตามมาตรฐานสาธารณสุข โดยให้ดำเนินการวางแผนร่วมกันระหว่างจังหวัด และ สพฉ.
สำหรับงบประมาณในการลำเลียงผู้ป่วยข้างต้น ให้ดำเนินการตามแนวทาง หลักเกณฑ์การใช้งบประมาณของ สพฉ. รวมทั้งให้กรมการขนส่งทางบกพิจารณาการหาแหล่งงบประมาณหรือกองทุนมาใช้ดำเนินการในเรื่องนี้ด้วย
2. การรวบรวมตัวเลขผู้ป่วยเดินทางสะสม ขอให้จังหวัดจัดส่งข้อมูลให้ สปสช. เพื่อรวบรวมให้เป็นฐานข้อมูลของผู้ป่วยในภาพรวมทั้งหมดในแต่ละจังหวัด
3. ให้ สพฉ. และกระทรวงคมนาคม บูรณาการในการกำหนดจุดรับ-ส่ง ผู้ป่วยให้มีความชัดเจน และหลีกเลี่ยงการรับส่งในที่ที่มีประชาชนจำนวนมาก เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อระหว่างการเดินทาง
4. ให้ทุกจังหวัดสรุปจำนวนเตียงว่างของโรงพยาบาล/โรงพยาบาลสนาม/ศูนย์พักคอยของแต่ละจังหวัดเข้ามาใน Group Line เพื่อให้ สพฉ. ใช้ประกอบการวางแผนการจัดส่งผู้ป่วยกลับภุมิลำเนา
5. การดำเนินการจัดส่งผู้ป่วยกลับไปยังภูมิลำเนา ขอให้ใช้แนวทางการอำนวยความสะดวก การเดินทางของผู้ป่วยที่ดำเนินการในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 7 จังหวัดที่ผ่านมา เพื่อนำไปใช้กับทุกจังหวัดทั่วประเทศต่อไป
ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมจะเร่งเดินหน้าพาผู้ป่วยโควิด-19 กลับบ้านเกิด 7 จังหวัดอีสานใต้ ตามภารกิจที่คณะรัฐมนตรีมอบหมาย โดยบูรณาการร่วมกับทุกภาคส่วนอย่างเต็มที่และใกล้ชิด เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ป่วยในเขตจังหวัดกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ว่าจะสามารถเดินทางกลับไปยังจังหวัดภูมิลำเนาได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว