“ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” ประณาม ผู้มีอำนาจสั่ง เจ้าหน้าที่ ไล่ยิง ประชาชน ชี้ เป็นการตั้งใจยิง จากมุมสูง ทั้งแก๊สน้ำตา และ กระสุนยาง ยืนยัน กลุ่มผู้ชุมนุม จัดกิจกรรม ในรูปแบบสันติวิธี ลั่นจ่อนัดชุมนุมใหญ่ขับไล่”อ.ห.ต.” แน่นอน
วันที่ 2 ส.ค.2564 “เต้น” ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ในฐานะคณะทำงานเครือข่ายไล่ประยุทธ์ (อ.ห.ต.) เปิดเผยหลังจากจัดการชุมนุม Car mob เมื่อวานนี้ (1 ส.ค.) ว่า คาร์ม็อบ 1 สิงหาคม คือ พลังบริสุทธิ์มหาศาล ที่ข้ามพ้นข้อจำกัดโรคระบาด เพื่อแสดงฉันทามติขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ พ้นตำแหน่งนายกฯ ภาพที่เกิดขึ้นย้ำชัดว่า นี่คือสถานการณ์ไล่ประยุทธ์ ถ้าไม่มีโควิดคนจะล้นถนน ทั้งหมดเป็นวาระของประชาชนที่ ผู้มีอำนาจต้องตระหนัก พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ในตำแหน่งต่อนอกจากแก้ปัญหาเดิมไม่ได้ ยังทำให้ปัญหาใหม่ลงลึกและขยายตัวมากขึ้น การใช้กำลังกับผู้ชุมนุมบางส่วนในช่วงเย็นถึงค่ำคือการเพิ่มเงื่อนไขให้สถานการณ์ยิ่งตึงเครียด
การกล่าวอ้างว่ามีการยั่วยุเจ้าหน้าที่ ไร้น้ำหนักทันทีเมื่อเห็นการปฏิบัติเกินเหตุ ทั้งยิงจากจุดสูงข่ม ยิงแก๊สน้ำตา กระสุนยาง วิ่งเข้าใส่เหมือนเอาให้ตาย ใครขวางต้องเจ็บไม่สนใจว่าเป็นคนค้าขายหรือผ่านไปมา ท่าทางการยิงเล็งเป้าหวังผล ไม่ได้ยิงขู่ ไม่ใช่กึ่งยิงกึ่งผ่าน แต่ใครผ่านกูยิง เรื่องแบบนี้ยอมรับไม่ได้และควรประณาม โดยเฉพาะผู้มีอำนาจในรัฐบาลซึ่งสั่งให้ทำได้และจะสั่งให้หยุดก็ได้
สำหรับฝ่ายประชาชนก็มีข้อควรคิด คือชัดขึ้นเรื่อยๆว่า รัฐต้องการสร้างแนวปะทะ การขึ้นที่สูงของกำลังตำรวจพร้อมปืนแก๊สน้ำตา คล้ายเหตุการณ์ปี 2553 ที่ ขณะนั้นใช้กำลังทหารอยู่บนตึกกับปืนติดกล้อง จัดกิจกรรมแต่ละครั้งต้องรัดกุม ชัดเจน เริ่มเมื่อไหร่ ทำอะไรบ้าง และ จบคือจบอย่างทรงพลัง การห้อยท้ายของพี่น้องจำนวนหนึ่งในพื้นที่เปราะบางเขาจะหาโอกาสเข้าตี และตีแตกทุกครั้งเพราะประชาชนไม่ได้เตรียมยุทธวิธีมาสู้รบ ไม่ได้หมายความว่าต้องกลัว แต่ถ้าชนต้องมีความหมายและเตรียมการจนมั่นใจพอว่าชนได้ ในที่นี่หมายถึงตัวแบบการแหกฝ่าแนวกั้นซึ่งหลายครั้งหลายยุคทำได้เพราะมีการวางแผน
เมื่อวานในคลับเฮาส์พอได้ยินว่าพี่น้องบางส่วนจอดทำกิจกรรมหน้าราบ 1 ผมจึงพยายามประสานให้เคลื่อนต่อ เพราะใจห่วงว่าคาร์ม็อบจบแล้วจะไม่จบและเขาจะใช้กำลังสลาย เข้าใจดีว่าทุกคนเจ็บปวด หลายคนเจ็บแค้น แต่ผมยังยืนยันว่าแนวทางสันติวิธีเท่านั้นที่ชอบธรรมและประชาชนจะชนะได้ แต่สันติวิธีต้องออกแบบ เเค่ไหน อย่างไรต้องเข้าใจตรงกัน เป้าหมายชัด รุกได้ถอยได้เป็นขบวน
ผมคงพูดเยอะเกินไปแล้วแต่ขอให้เข้าใจว่าด้วยรัก ปรารถนาดี ไม่มีเจตนาก้าวก่ายหรือวางตนเหนือกว่า ผมเคยอยู่ท่ามกลางควันปืนคลื่นเลือด รู้ว่าคนพวกนี้อำมหิตเห็นชีวิตคนร่วงหล่นไม่ใยดี จากนี้ไปทุกอย่างจะแหลมคมมากขึ้น หวังว่าทุกขบวนจะเดินด้วยสติและปัญญาที่มีอยู่เต็มเปี่ยม ปลอดภัยและสำเร็จ ส่วนเครือข่ายไล่ประยุทธ์ (อ.ห.ต.) ผมขอเวลาทำงานอีกไม่กี่วัน จะกำหนดรูปแบบการเคลื่อนไหว และนัดหมายแสดงพลังครั้งใหญ่ต่อไป