สวนกระแส !! กระทรวงกลาโหม เจรจาจัดซื้อ จรวดพิฆาตรถถัง “แจฟลิน” กับ องค์การความร่วมมือ ด้านความมั่นคงกลาโหม สหรัฐฯ มูลค่า 2,762 ล้านบาท ท่ามกลางวิกฤตโควิด-19
องค์การความร่วมมือ ด้านความมั่นคงกลาโหม Defense Security Cooperation Agency หรือ ดีเอสซีเอ ของสหรัฐฯ เผยแพร่เอกสารข่าว เมื่อ 30 ก.ค.ที่ผ่านมา ตามเวลาสหรัฐ ระบุว่า กระทรวงต่างประเทศหรัฐ อนุมัติการขายระบบขีปนาวุธต่อต้านรถถัง “แจฟลิน เอฟจีเอ็ม-148” (Javelin FGM-148) จำนวน 300 ลูกพร้อมกับระบบยิง “แจฟลินคอมมานด์ลันช์ยูนิต” (Javelin Command Launch Units) 50 ชุด อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องรวมถึงการฝึกอบรม และ การสนับสนุน ให้กับ กระทรวงกลาโหม ของ รัฐบาลไทยมูลค่า 83.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ ราว 2,762 ล้านบาทแถลงการณ์ดังกล่าว ระบุว่า การขายขีปนาวุธเป็นการสอดคล้องกับนโยบายต่างประเทศและเป้าหมายด้านความมั่นของของสหรัฐ ด้วยการเสริมศักยภาพด้านความมั่นคงของพันธมิตรที่ไม่ใช่นาโต้ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
โดยระบบอาวุธขีปนาวุธแจฟลิน จะถูกนำไปแทนที่ ปืนไร้แสงสะท้อนถอยหลัง (ปรส.) ขนาด 106 มม. ของกองทัพไทยที่ได้รับ เป็นส่วนหนึ่งของโครงการสนับสนุนทางการทหาร (แมพ) จากยุคสงครามเวียดนาม การขายอาวุธครั้งนี้ จะช่วยให้กองทัพไทยยกระดับ ความสามารถในการต่อต้านถดถังให้ทันสมัยและคงไว้ซึ่งระดับความสามารถกำลังพล และเพิ่มมาตรฐานในการทำงานร่วมกันกับสหรัฐอเมริกา ทั้งนี้บริษัทผู้รับเหมาหลักจะเป็น 2 บริษัทร่วมทุน เรย์ธีออน และ ล็อคฮีด มาร์ติน ในฟลอริด้า และแอริโซนา สำหรับเงื่อนไขในสัญญานั้นจะมีการกำหนดในการเจรจาระหว่างบริษัทผู้รับเหมาและหน่วยงานผู้นำเข้าของรัฐบาลไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การบรรลุข้อตกลงดังกล่าวแม้จะยังไม่มีการลงนามอย่างเป็นทางการ แต่ชัดเจนว่า รัฐบาลไทย ตัดสินใจที่จะทุ่มงบประมาณ เกือบสามพันล้าน เพื่อซื้ออาวุธดังกล่าว ทั้งที่ก่อนหน้านั้น เคยมีกระแสการต่อต้าน การจัดซื้อเรือดำน้ำ จากกองทัพเรือมาแล้ว ด้วยเหตุผลที่ นักการเมืองฝ่ายค้านของไทย เห็นว่า ไม่มีความจำเป็นที่ต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก มาจัดซื้ออาวุธให้กองทัพ ท่ามกลางการแพร่ระบาดของ โควิด-19 ซึ่งเป็นสงครามโรคระบาด ที่ไทยควรจะทุ่มสรรพกำลังทุกด้าน เพื่อขจัดภัยโควิด-19 ให้ได้โดยเร็วที่สุด