“อนุทิน” โทรให้กำลังใจ สาวอสม. สุรินทร์ ถูกผญบ.ตบ ตร.ยันให้ความเป็นธรรม

105

“อนุทิน” ส่งเลขาส่วนตัวมอบกระเช้า ให้กำลังใจ อสม.ศีขรภูมิ จ.สุรินทร์ ถูกผู้ใหญ่บ้านตบกลางจุดตรวจโควิด ขณะ เจ้าตัวพร้อมทำหน้าที่ อสม.ต่อไป ตอกกลับคู่กรณีข้อพิพาทเรื่องที่ดิน กับ ญาติคนละส่วน ยันเอาเรื่องถึงที่สุด

จากกรณี นางศิริลักษณ์ กนกฉันท์ อายุ 53 ปี อสม.หมู่ที่ 32 บ้านหนองคูน้อย อ.ศีขรภูมิ จ.สุรินทร์ เข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.ศีขรภูมิว่า ถูกนายคำอี๊ด ขัตติยานนท์ ผู้ใหญ่บ้าน ต่อว่าพร้อมใช้ฝ่ามือตบไปที่หลังและลำคอ จนได้รับบาดเจ็บขณะกำลังปฏิบัติหน้าที่ พร้อมร้องเรียนไปยัง ศูนย์ดำรงค์ธรรมอำเภอศีขรภูมิ และสื่อมวลชน เนื่องจากเกรงว่า จะไม่ได้รับความเป็นธรรม ต่อมา นายคำอี๊ด ยอมรับว่าตบไหล่จริง เป็นการหยอกล้อ และต้องการถามถึงเรื่องส่งรายงาน พร้อมระบุว่า เรื่องราวดังกล่าว มีเบื้องหลังเนื่องจากตัวเองเคยมีเรื่องกับญาติของคู่กรณีเรื่องที่ดิน ขณะที่ปลัดอำเภอศีขรภูมิ จ.สุรินทร์ สั่งตั้งกรรมการสอบสวน ตามข่าวที่นำเสนอไปแล้วนั้น

ความคืบหน้า เมื่อช่วงเย็นวานนี้ (21 ก.ค.) นางธัญญพร มุ่งเจริญพร ประธานสภาอบจ.สุรินทร์ พร้อมด้วย เลขาฯส่วนตัวของ นายอนุทิน ชาญวีระกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข และประธานอสม.จังหวัดสุรินทร์ ผอ.รพ.สต. สสอ.ศีขรภูมิ ได้เดินทางมอบกระเช้าของขวัญเพื่อให้กำลังใจ นางศิริลักษณ์ กนกฉันท์ และในระหว่างนั้นเองได้มีโทรศัพท์มาจากหน้าห้อง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ได้โทรศัพท์มาให้กำลังใจ นางศิริลักษณ์ ด้วย

นางศิริลักษณ์ กล่าวขอบคุณทุกกำลังใจ และจะขอทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ในส่วนคดีนั้นก็ขอให้พนักงานสอบสวนดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา ที่ผ่านมานั้นตนรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นประกอบกับ กริยาการทำงานของผู้นำหมู่บ้านที่เมาแล้วชอบหาเรื่องชาวบ้านคงรู้ดี ส่วนกระแสข่าวที่ออกไปว่ามีเรื่องหมาดหมางกันนั้นตนเองก็ขอยืนยันเลยว่า มันเป็นคนละส่วนกัน

ทางด้านนายกิตติ สัตย์ซื่อ นายอำเภอศีขรภูมิ กล่าวว่า ในเรื่องของการสอบสวนพยานตลอดจนเอกสารหลักฐานนั้น ตนเองทราบดีว่าอะไรคือสาเหตุ การทำงานร่วมกันมันก็มีการกระทบกระทั่งกันบ้าง ส่วนใครผิดใครถูกนั้น ตนเองพอรู้และทราบเหตุผลดี ต่างคนต่างทำงานร่วมกัน และไม่อยากให้เกิดมีการกระทบกระทั่งกันเกิดขึ้นอีก อย่างไรก็ตามจะให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย

ขณะที่ พ.ต.ท. สมพงษ์ แก้นจักร รองผกก. (สอบสวน) สภ.ศีขรภูมิ กล่าวว่าเรื่องการทำร้ายร่างกาย ถือว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยและไม่ยากในการสอบสวน เพราะเหลือสอบประจักษ์พยานอีก 2 ปาก ก็สามารถรวบรวมหลักฐานได้พร้อมกับส่งให้อัยการสั่งฟ้องได้ ในความรู้สึกของพนักงานสอบสวนไม่หนักใจ เพราะต่างฝ่ายก็คนบ้านเดียวกัน ตำรวจพร้อมที่จะให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย