พิธีกรรมอันสุดประหลาด ไม่มีในหลักการอิสลาม เกิดขึ้นดาษดื่นในสังคมมุสลิมไทย ที่ไม่รู้ ไม่เข้าใจศาสนา ไม่เข้าใจหลักอากีดะห์ ความเป็นเอกภาพของอัลเลาะฮ์
ในอิสลาม อัลเลาะฮ์ เป็นพระเจ้า เป็นผู้สร้างทุกสรรพสิ่งในโลกและจักรวาล เป็นผู้กำหนดกฎเกณฑ์และบริหารทุกสรรพสิ่ง การกำเนิดและการสูญสิ้นจึงมาจากอัลเลาะฮ์ทั้งสิ้น สิ่งที่มนุษย์ได้รับทั้งหมด มาจากอัลเลาะฮ์ทั้งสิ้น อัลเลาะฮ์ได้กำหนด สิ่งที่ให้ทำ และห้ามสิ่งไม่ให้ทำ ข้อกำหนดสั่งใช้ ือ การละหมาด การถือศีลอด การออกซะกาต และการไปทำฮัจย์ สิ่งเหล่านี้เมื่อปฏิบัติจะได้สิ่งตอบแทนกลับมา การจะร้องขอสิ่งใด ให้ร้องขอจากอัลเลาะฮ์ด้วยการดุอาร์จากอัลเลาะฮ์โดยตรง ไม่มีสิ่งใดเป็นสื่อไปถึงอัลเลาะฮ์ได้
เสียดายที่มีมุสลิมจำนวนหนึ่ง เชื่อว่า มีสื่อที่ที่จะนำสิ่งต่างๆมาสู่ตัวเอง สมมติ เป็นโต๊ะนั้น โต๊ะนี่ เอาคนที่เสียชีวิตไปแล้ว มาเป็นสื่อไปยังอัลเลาะฮ์ให้กราบไหว้สิ่งเหล่านั้น ซึ่งเป็นชีริก คือ การนำสิ่งอื่นมา “แทน” อัลเลาะฮ์ เชื่อ่ว่า สิ่งเหล่านั้น จะบันดาลอะไรให้ตามที่ต้องการ รวมทั้งการกำหนดพิธีกรรมต่างๆขึ้นมา เพื่ออ้างว่า เสริมสร้างศิริมงคลให้กับตัวเอง นอกเหนือจากที่อัลเลาะฮ์ สั่งใช้
Mtoday ได้รวบรวมสิ่งที่มุสลิมจำนวนหนึ่ง เชื่อถือ ไปทำพิธีกรรมของจากสิ่งเหล่านั้น อาทิ
โต๊ะแซะ ตั้งอยู่ที่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งคนภูเก็ต คนทั่งไป และมุสลิมบางส่วนให้การเคารพนับถือ มี 3 โต๊ะ ประกอบด้วย พ่อตาโต๊ะแซะขาว พ่อตาโต๊ะแซะดำ พ่อตาโต๊ะแซะ
กรณีของโต๊ะแซะ นายโกมล ดุุมลักษณ์ ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดภูเก็ต ได้ไปขอให้นำสัญลักษณ์ของอิสลามทั้งหมดออกจากศาลโต๊ะแซะแล้ว
โต๊ะวลีระยอง
“ถึงแล้วจุดหมายปลายทางแรก สักการและขอพร สุสานโต๊ะวลี ตามโครงการสอนศาสนาอิสลามภาคฤดูร้อน ทต.เชียงรากน้อย” เป็นข้อความบนเฟสบุคของมุสลิมท่านหนึ่งที่พานักเรียนไปที่สุสานโต๊ะวลีระยอง เพื่อสักการะ เป็นตัวอย่างหนึ่งของความเชื่อที่ผิดและปลูกฝังสิ่งที่ผิดแก่เยาวชน
ข้อมูลจากเวบbanlammakaam “โต๊ะวลีย์” เป็นศาสนสถานที่สำคัญของชาวมุสลิม แต่อยู่ภายในพื้นที่ของ วัดแหลมมะขาม ซึ่งเป็นศาสนสถานของชาวพุทธ โดยมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับความเป็นมาของโต๊ะวลีย์ 2 ตำนาน
ตำนานแรก มีเรื่องเล่าต่อกันว่า มีชายกลางคนหน้าตาท่าทางใจดี สวมเสื้อธรรมดา และโพกศีรษะด้วยผ้า ได้ขออาศัยเรือสำเภามายังจังหวัดตราด ซึ่งเรือสำเภาประสบกับปัญหาขาดแคลนน้ำจืด ลูกเรือต้องใช้น้ำอย่างประหยัด แต่ชายที่อาศัยมาด้วยกลับใช้น้ำจนหมด ทำให้ลูกเรือโมโหมาก เมื่อใกล้จังหวัดตราด ลูกเรือจะเข้าทำร้ายชายผู้นั้น ชายผู้นั้นจึงใช้เท้าราน้ำแล้วบอกว่า “น้ำทะเลจืด” แต่ไม่มีใครเชื่อ และดุด่าตลอด อย่างไรก็ตามลูกเรือได้ลองชิมน้ำทะเลดู จึงรู้ว่าน้ำจืดจริง ทำให้ลูกเรือประหลาดใจ และพากันกราบไหว้ชายผู้นั้น แม้จะถูกร้องห้ามเพราะลูกเรือเหล่านั้นนับถือศาสนาอิสลามจะมากราบไหว้ไม่ได้ แต่ลูกเรือทั้งหมดก็ไม่ฟัง ชายผู้นั้นจึงกระโดดลงจากเรือสำเภา พร้อมทั้งแสดงปาฏิหาริย์เดินบนผิวน้ำบ้านแหลมมะขาม อำเภอแหลมงอบ จังหวัดตราด ด้วยเหตุผลดังกล่าวทำให้พ่อค้าและลูกเรือที่ผ่านไปมาบริเวณนี้ต่างพากันกราบไหว้ขอพรตลอด เป็นที่เลื่องลือของชาวบ้านย่านนั้น เป็นผลให้มีการตั้งชื่อว่า “โต๊ะวลีย์” ซึ่งหมายถึง “ผู้ใหญ่ใจดีมากับน้ำ”
ตำนานที่ 2 เป็นเรื่องเล่าของชาวบ้านน้ำเเชี่ยวว่า มีคนไทยมุสลิมที่บ้านน้ำเชี่ยวฝันว่ามีชายคนหนึ่งมาเข้าฝัน บอกว่าเป็นผู้รับใช้พระเจ้า รับบัญชาให้มาบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้กับชาวบ้าน ตอนนี้อาศัยอยู่กับสมภารวัดแหลมมะขาม โดยเป็นการฝันแบบเดียวกันนี้หลายคืนติดต่อกัน ซึ่งการฝันในช่วงหลัง บอกว่าได้สิงสถิตอยู่ในขอนไม้หลังวัดแหลมมะขาม เมื่อชายผู้นั้นเดินทางมาที่วัดแหลมมะขามก็ได้พบว่ามีขอนไม้อยู่จริง โดยพบขอนไม้วางพาดบนตลิ่งท้ายวัด จึงได้ทำพิธีเชิญกลับไปอยู่ในบ้านน้ำเชี่ยว ชาวบ้านได้พากันนำเรือมาลากออกจากตลิ่งแต่ปรากฏว่าพอขอนไม้หลุดมาจากตลิ่งเชือกก็ขาด เป็นเช่นนี้อยู่หลายครั้ง จนในที่สุด ชายคนเดิมก็ฝันว่าวิญญาณที่สิงอยู่ในขอนไม้มาบอกว่า “อย่าพยายามเอากูกลับมาเลยให้กูอยู่ตรงนี้แหละ แล้วพวกมึงจะอยู่เย็นเป็นสุข”
ปัจจุบันโต๊ะวลีย์อยู่ภายในวัดแหลมมะขาม โดยชาวบ้านน้ำเชี่ยวได้สร้างอาคารเรือนเครื่องไม้ เสาคอนกรีต หลังคามุงกระเบื้อง ครอบแท่นคอนกรีตรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าคล้ายหลุมศพ ภายในส่วนบนมีทรายละเอียดเกลี่ยเรียบอยู่ ส่วนล่างเป็นแก่นไม้ขนาดใหญ่เกือบเท่าตัวคนฝังอยู่ มองจากภายนอกจะเห็นเป็นกระโจมกรุด้วยผ้าลูกไม้สีสดคลุมอยู่ มีชาวมุสลิมทั่วประเทศที่เคารพนับถือได้เดินทางมายังโต๊ะวลีย์เป็นประจำ
เป็นส่วนหนึ่งของความเชื่อที่ป็นชีริกของพี่น้องมุสลิม ซึ่งยังมีโต๊ะอื่นๆอีก อาทิ โต๊ะแซะห์ บ้านครัว โต๊ะตะเกี่ย จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นต้น เป็นสิ่งที่มุสลิมทุกคนจะต้องหลีกห่าง