กลาโหมสหรัฐเตือนโลกกำลังขยับเข้าใกล้สงครามนิวเคลียร์ หลังจาก รัสเซีย และ จีน กำลังพัฒนาขีปนาวุธนิวเคลียร์ โดยทั้งสองประเทศ ได้ถอนตัวจาก สนธิสัญญาอาวุธนิวเคลียร์พิสัยกลาง
กระทรวงกลาโหมสหรัฐ เผยแพร่รายงานว่าด้วยปฏิบัติการนิวเคลียร์ประจำปี 2020 โดยระบุว่า มีความเป็นไปได้เพิ่มขึ้น ที่จะเกิดสงครามอาวุธนิวเคลียร์ ระหว่างสหรัฐกับปรปักษ์ตัวเอ้อย่าง รัสเซีย จีน เกาหลีเหนือ และ อิหร่าน เนื่องจากประเทศเหล่านี้กำลังสะสมและพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ เครื่องบินทิ้งระเบิด และเรือดำน้ำ
รายงานซึ่งเผยแพร่เมื่อวันที่ 6 ก.ค.ที่ผ่านมาระบุว่า สหรัฐพยายามเจรจาให้ลดการสะสมอาวุธนิวเคลียร์ นับตั้งแต่ปี 2010 ทว่าไม่มีฝ่ายตรงข้ามประเทศไหนเลย ที่ยอมลดบทบาทของอาวุธนิวเคลียร์ในยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติ หรือ จำนวนอาวุธนิวเคลียร์ที่สะสม แต่กลับยิ่งสะสมเพิ่มขึ้น โดยทั้งรัสเซีย และ จีนทั้งยกเครื่องให้ทันสมัย และขยายคลังแสงตลอดทศวรรษที่ผ่านมา และ เกาหลีเหนือพยายามเร่งการทดสอบขีปนาวุธ ที่มีพิสัยไกลถึงแผ่นดินใหญ่ของสหรัฐ ขณะที่ อิหร่านมีเทคโนโลยีที่สามารถคิดค้นอาวุธนิวเคลียร์ได้ภายใน 1 ปี
รายงานระบุอีกว่า รัสเซียและจีนเป็นภัยร้ายแรงที่สุดต่อสหรัฐ เนื่องจากเทคโนโลยีและอาวุธที่ทั้งสองประเทศสะสมไว้มีความทันสมัยที่สุด ทั้งนี้ หากแยกเป็นรายประเทศ รายงานพูดถึงรัสเซียว่า รัสเซีย ปรับปรุงสมรรถนะในการปล่อยหัวรบในสมัยโซเวียตให้ทันสมัย กำลังติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์และเครื่องยิง และกำลังพัฒนาระบบอาวุธนิวเคลียร์ ข้ามทวีปใหม่อีก 3 ระบบ โดยระบบนี้รวมถึงเครื่องบินไฮเทค จรวดร่อนที่ติดตั้งกับยานพาหนะทางบก และตอร์ปิโดอัตโนมัติใต้น้ำ
ทั้งนี้ ในปี 2019 รัสเซียและสหรัฐถอนตัวจากสนธิสัญญาอาวุธนิวเคลียร์พิสัยกลาง (INF) ที่ ทำไว้เมื่อปี 1987 ซึ่งกำหนดให้สหรัฐและสหภาพโซเวียต ปลดอาวุธนิวเคลียร์ทั้งหมด รวมทั้งขีปนาวุธที่ยิงจากภาคพื้นดินและขีปนาวุธร่อนที่มีพิสัยตั้งแต่ 500-5,000 กิโลเมตร ทั้งสองประเทศยังขยายสนธิสัญญาลดอาวุธยุทธศาสตร์ฉบับใหม่ (New START)ที่หมดอายุเมื่อเดือน ก.พ.ปีนี้ ออกไปอีก 5 ปี ส่วนจีนได้เพิ่มจำนวนและสมรรถนะของอาวุธนิวเคลียร์ รวมทั้งขีปนาวุธที่ปล่อยจากเรือดำน้ำที่ทันสมัยที่สุด และยังกำลังพัฒนาเครื่องบินทิ้งระเบิด ซึ่งทำให้จีนสามารถยิงอาวุธได้ทั้งจากพื้นดิน ทะเล และอากาศ
ขณะที่ เกาหลีเหนือเร่งแสวงหาอาวุธนิวเคลียร์และเพิ่มการทดสอบขีปนาวุธ ครั้งล่าสุดรวมทั้งการทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีปที่มีพิสัยการยิงถึงแผ่นดินใหญ่ของสหรัฐ ด้านอิหร่านมีเทคโนโลยีและความสามารถที่จะพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ได้ภายใน 1 ปี รายงานระบุอีกว่า โครงการอาวุธนิวเคลียร์ของสหรัฐเป็นตัวยับยั้งและจะนำมาใช้เฉพาะในสถานการณ์ที่รุนแรงเพื่อปกป้องประเทศหรือ พันธมิตรจากการโจมตีที่พุ่งเป้าไปที่ประชาชนหรือโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ