คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดยะลา มีมติให้ละหมาดวันตรุษอิฎิลอัฏฮา ได้เฉพาะพื้นที่ไม่สุ่มเสี่ยงต่อการแพร่ระบาด พร้อม วางข้อปฏิบัติ 10 ข้อ
นายก้องสกุล จันทราช ปลัดจังหวัดยะลา เป็นประธานประชุม เมื่อวันที่ 6 ก.ค.ที่ผ่านมา ร่วมกับนายหะยีอิสมาแอ ฮารี ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดยะลา สาธารณสุขจังหวัดยะลา ศูนย์ปฎิบัติการควบคุมโรคติดต่อ ระดับอำเภอ ประชาสัมพันธ์จังหวัดยะลา หารือวางมาตรการป้องกันการแพร่ระบาด โควิด-19 สำหรับการปฏิบัติศาสนกิจ การละหมาดรายออิฎิลอัฎฮา ประจำฮิจเราะฮ์1442 โดยที่ประชุม มีมติเห็นชอบให้มีการละหมาดรายอฮัจย์ พร้อมทำการกรุบานเนื้อวัว โดยมีมาตรการป้องกันก่อนการละหมาด ต้องปฎิบัติตามขั้นตอนดังนี้
1.สถานที่ละหมาด ต้องไม่อยู่ในพื้นที่สีแดงที่ทางราชการกำหนด
2.เตรียมความพร้อมและประเมินตนเองตามแบบประเมิน และให้ยื่นหนังสือขออนุญาตต่อศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรค ระดับอำเภอ (ศปก.อ) ก่อนจะเปิดการละหมาดล่วงหน้าอย่างน้อย 1 สัปดาห์
3.ศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรค ระดับอำเภอ (ศปก.อ) อาจจะมอบหมายให้ศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรค ระดับตำบล(ศปก.ต) ลงประเมินแทน และรายงานต่อศปก.อำเภอ เพื่อพิจารณาอนุญาต
ทั้งนี้ เมื่อมัสยิดได้รับการพิจารณาอนุญาตละหมาดรายอฮัจย์ได้แล้ว ให้ปฏิบัติตามมาตรการต่อไปนี้
1.ให้ผู้นำศาสนาเปิดทำการลงทะเบียนผู้ที่จะเข้าร่วมละหมาดรายอล่วงหน้า พร้อมกำหนดจำนวนผู้มาละหมาดตามขยาดความจุของมัสยิด หรือสนาม ตามหลังการเว้นระยะห่าง
2.ขณะทำการละหมาดให้ทุกคนปฏิบัติตามมาตรการ DMHTT อย่างเคร่งครัด โดยต้องมีการควบคุมจากศปก.ตำบล/ศปก.เทศบาล องค์กรบริหารส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ชรบ. และอสม.อย่างเข้มงวด
3.ใช้เวลาในการละหมาดในมัสยิดหรือสนาม ไม่ควรเกิน 30 นาที
4.ให้ทุกคนอาบน้ำละหมาดให้เสร็จจากที่บ้าน โดยนำผ้าปูละหมาดส่วนตัวโดยนำมาจากบ้าน
5.งดการสลาม จับมือ สวมกอด และการสัมผัสแก้ม โดยให้ยกมือแล้วกล่าวคำให้สลาม
6.งดการตั้งกล่องรับบริจาคโดยใช้วิธีอย่างอื่นแทน
7.งดการแจกจ่ายเงินให้กับเด็ก และมิให้จัดกิจกรรมรวมกลุ่มในมัสยิด
8.มีการควบคุมการเข้า-ออก อย่าให้แออัด และต้องเว้นระยะห่าง
9.ให้ถ่ายรูปภาพผู้ที่มาละหมาดของแต่ละแถว พร้อมเก็บไว้อย่างน้อย 2 สัปดาห์
10.ห้ามประชาชน บุคคลนอกพื้นที่หรือผู้เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยงเข้าร่วมละหมาด