เพื่อไทย ย้อน10ปี”ยิ่งลักษณ์”ชนะเลือกตั้ง ผงาดผู้นำหญิงคนแรก ก่อนถูกรัฐประหาร

พรรคเพื่อไทย โพสต์ ย้อน 10 ปี “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ชนะศึกเลือกตั้ง เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรก ของประเทศไทย ก่อนถูก “ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ก่อ รัฐประหาร เผยมีอีกหลายโครงการที่ยังไม่ได้ทำ

วันที่ 3 ก.ค.64 พรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 10 ปี ชัยชนะของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ความว่า เพียง 49 วันหลังเปิดตัว ‘ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร’ ในฐานะ ส.ส. บัญชีรายชื่ออันดับที่ 1 สู้ศึกเลือกตั้งชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ณ วันนั้น 3 กรกฎาคม 2554 พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง ด้วยการลงคะแนนเลือกตั้งจากประชาชน 15,744,190 เสียง ทำให้มี ส.ส. ในสภา 265 คน เกินกึ่งหนึ่งของสภา

ส่งให้ น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในวัย 44 ปี เป็นว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 28 และ ว่าที่นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย ยืนยันการเป็น ‘รัฐบาลของประชาชน’ ชนะการเลือกตั้งเป็นครั้งที่ 4 นับตั้งแต่ก่อตั้งพรรค (ไทยรักไทย พลังประชาชนและเพื่อไทย) ไม่เคยพ่ายแพ้ในสนามเลือกตั้ง

ในช่วง 49 วัน ก่อนการเลือกตั้ง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถูกจับตามองทั้งในฐานะ ‘ผู้นำหญิง’ และ ‘น้องสาวคนเล็ก’ ของตระกูลชินวัตร แม้จะต้องเจอกับคำสบประมาทหลายอย่างจากขั้วการเมืองฝ่ายตรงข้าม แต่ ‘ยิ่งลักษณ์’ ได้พิสูจน์ตัวเองอย่างเด็ดขาดด้วยการยอมรับจากประชาชนทั่วประเทศอย่างล้นหลาม จนเป็นกระแส ยิ่งลักษณ์ฟีเวอร์ ที่พี่น้องประชาชนให้ความเชื่อมั่น ในแนวนโยบายและทิศทางของผู้นำที่จะเข้ามาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปากท้องซึ่งเป็นปัญหาสำคัญของประชาชนในเวลานั้น

แนวนโยบายเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะเป็น ค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท เพิ่มเงินเดือนพื้นฐานผู้จบปริญญาตรีที่ 15,000 บาท , พักหนี้เกษตรกรรายย่อยและผู้มีรายได้น้อยอย่างน้อย 3 ปี , เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุแบบขั้นบันได ไปจนถึงนโยบายที่ขยายโอกาสให้ประชาชนในทุกระดับ เช่น กองทุนหมู่บ้าน , กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี , กองทุน SML ไปจนถึงนโยบายสำคัญทางการเมืองที่ถูกจับตาและได้รับการผลักดันเป็นนโยบายหลักในการสร้างความปรองดอง ‘แก้ไข ไม่แก้แค้น’ ที่มีเจตนาหลักในการตอบสนองการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองที่เกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้

อย่างไรก็ตาม ยังมีนโยบายพรรคเพื่อไทยภายใต้การนำของยิ่งลักษณ์ ที่ได้ให้สัญญาประชาคมกับประชาชนและมุ่งมั่นว่าจะดำเนินการเพื่อยกระดับสังคมและคุณภาพชีวิตของประชาชน แต่ยังทำไม่ได้ เนื่องจากถูกรัฐประหาร คสช. ที่นำโดย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เสียก่อน ทั้งในด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ระบบคมนาคมขนส่งทางรางซึ่งจะให้บริการทั้งการขนส่งผู้โดยสาร สินค้าและบริการ, เร่งรัดโครงการรถไฟฟ้า 10 สายในกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยตั้งเป้าคิดค่าบริการ 20 บาทตลอดสาย

ด้วยนโยบายที่โดดเด่นเหล่านี้ ส่งให้พรรคเพื่อไทยภายใต้การนำของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้รับคะแนนเสียงท่วมท้นจากประชาชน และมี ส.ส.ถึง 265 คนเกินกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร นำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลผสม ร่วมกับพรรคชาติไทยพัฒนา , พรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน , พรรคพลังชล , พรรคมหาชน และพรรคประชาธิปไตยใหม่

3 กรกฎาคม 2554 คือวันที่ประชาชนได้สิทธิเสียงคืนมาและได้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนอีกครั้ง ส่งให้ประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรก เป็นนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนอย่างแท้จริง และได้ทำงานเพื่อประชาชนอย่างเข้มแข็งตลอดเวลา 2 ปี 275 วัน ก่อนที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะนำคณะทำรัฐประหารล้มรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ในปี 2557