โฆษกระทรวงต่างประเทศ แถลงรู้สึกผิดหวัง สหรัฐฯ ประกาศลดอันดับ ‘ทิปรีพอร์ต’ ของประเทศไทย โดยลดอันดับไปอยู่ในระดับ “เทียร์ 2 วอชลิสต์” ชี้รู้สึกผิดหวัง ไม่ได้สะท้อนข้อเท็จจริง อย่างเป็นธรรม
เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม นายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แสดงท่าทีไทยต่อการประกาศผลการจัดระดับประเทศไทยในรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ (Trafficking in Persons Report: ทิปรีพอร์ต) ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกาว่า ตามที่เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกาได้เผยแพร่รายงานทิปรีพอร์ตประจำปี 2021 โดยในปีนี้ ประเทศไทยถูกจัดให้อยู่ระดับเทียร์ 2 วอชลิสต์ ลดระดับจากเทียร์ 2 เมื่อปีที่แล้ว
“ไทยรับทราบการจัดระดับดังกล่าว และรู้สึกผิดหวังที่การจัดระดับไม่ได้สะท้อนอย่างเป็นธรรมถึงความพยายาม และพัฒนาการความคืบหน้าที่เป็นรูปธรรมของไทยในการป้องกันแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ อย่างไรก็ดีการจัดทำรายงานทิปรีพอร์ตเป็นการประเมินและจัดระดับประเทศต่างๆ จากมุมมองของสหรัฐอเมริกา ซึ่งมิได้เป็นมาตรฐานระหว่างประเทศ”นายธานีกล่าว
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่า รัฐบาลไทยให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการต่อต้านการค้ามนุษย์ซึ่งเป็นวาระแห่งชาติ การดำเนินการเรื่องนี้ของไทยเป็นไปเพื่อประโยชน์ของสังคมไทย และเพื่อยกระดับมาตรฐานการคุ้มครองดูแลและป้องกันไม่ให้ชาวไทย ชาวต่างชาติ รวมถึงแรงงานต่างด้าวในทยตกเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ ทั้งนี้ การแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ของไทยมีพัฒนาการความคืบหน้าเป็นรูปธรรมอย่างต่อเนื่องตลอดห้วงหลายปีที่ผ่านมา
นายธานีกล่าวว่า ในปี 2563 แม้ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 การดำเนินงานต่อต้านการค้ามนุษย์ของไทยก็มีพัฒนาการเชิคุณภาพอย่างมีนัยสำคัญในทั้ง 3 ด้าน ได้แก่ในด้านการดำเนินคดี มีประสิทธิภาพมากขึ้นและใช้เวลาน้อยลง โดยการพิจารณาคดีกว่าร้อยละ 90 เสร็จสิ้นภายในระยะเวลา 1 ปี การลงโทษผู้กระทำผิดมีอัตราโทษที่สูงขึ้น โดยมีจำนวนผู้ได้รับโทษจำคุก 5 ปีขึ้นไปมากกว่าร้อยละ 67 ของผู้กระทำผิดที่ได้รับโทษจำคุกทั้งหมด มีการให้ความสำคัญกับการดำเนินคดีต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐที่กระทำความผิด และการปราบปรามการค้ามนุษย์ในรูปแบบใหม่ทางออนไลน์ที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นในช่วงสถานการณ์โควิด-19
นายธานีกล่าวต่อว่า ในด้านการคุ้มครองดูแลผู้เสียหายจากการค้ามนุษยั ยังคงยึดหลักการให้ผู้เสียหายเป็นศูนย์กลาง (victim-centered approach) และคำนึงถึงบาดแผลทางจิตใจ (trauma-informed care) โดยบูรณาการความร่วมมือกับภาคประชาสังคมในการจัดบริการและคุ้มครองช่วยเหลือ ผู้เสียหาย
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่า สุดท้ายคือการป้องกันปัญหาการค้ามนุษย์ โดยเฉพาะการบริหารจัดการการทำงานของแรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติ ซึ่งภายใต้สถานการณ์โควิด-19 ได้มีการขยายเวลาอนุญาตให้สามารถอยู่ในราชอาณาจักรและทำงานได้จนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2565 จำนวน 240,582 คน ทำให้แรงงานได้รับการคุ้มครองหรือได้รับสิทธิต่างๆ ตามกฎหมาย และลดความเสี่ยงตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ นอกจากนี้ ยังมีการออกกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อยกระดับมาตรฐานการดูแลแรงงาน อาทิ การยกระดับมาตรฐานที่พักอาศัย สิ่งอำนวยความสะดวกในเรือประมง และการอำนวยความสะดวกการออกหนังสือคนประจำเรือ อีกทั้งยังมีการฝึกอบรมพัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ และการสร้างความตระหนักรู้ในกลุ่มเสี่ยงถูกแสวงหาประโยชน์เพื่อป้องกันการค้ามนุษย์ผ่านช่องทางต่างๆ อย่างต่อเนื่อง
“รัฐบาลไทยจะเดินหน้าต่อต้านการค้ามนุษย์อย่างจริงจังต่อไป เพื่อปกป้องคุ้มครองศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ตามหลักสิทธิมนุษยชนและหลักมนุษยธรรมที่ไทยให้ความสำคัญมาโดยตลอด ขณะเดียวกัน ไทยพร้อมร่วมมือกับหุ้นส่วนต่างๆ ที่มีเจตนาสร้างสรรค์ ทั้งภายในไทยและต่างประเทศ เพื่อขจัดการค้ามนุษย์และการบังคับใช้แรงงานในทุกรูปแบบให้หมดสิ้นไปในที่สุด”นายธานีกล่าว