ประธานนปช. เผย 30 มิ.ย.นี้ ยุติออกอากาศช่องพีซทีวี อำลาสถานีประชาธิปไตยเพื่อ ปชช. ชี้ไปต่อไม่ไหวไร้ทุนสนับสนุน พร้อมปรับตัวใช้ช่องทางโซเชียลสู้ระบอบประยุทธ์
วันที่ 16 มิ.ย. 2564 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. จัดรายการ PEACE TALK ผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ ในหัวข้อ “ชะตากรรม พีซ ทีวี” ระบุสถานีโทรทัศน์ พีซ ทีวี เป็นสถานีที่อยู่ท่ามกลางความยากลำบาก เป็นสถานีที่ถูก กสทช. ใช้อำนาจปิดมากที่สุด เคยถูกถอนใบอนุญาติและได้รับการคุ้มครองจากศาลปกครองกลาง ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาคดีของศาลปกครองสูงสุด
“ในโลกของความเป็นจริง กว่าจะได้รับการคุ้มครองจากศาลก็ใช้เวลากว่า 3 เดือน ซึ่งสถานีฯ ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายมากมายและกว่าที่สื่อโฆษณาจะกลับมาสนับสนุนก็ต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 3 เดือน และก็โดนคำสั่งปิดตามมาอีกสองถึงสามครั้ง ซึ่งยืนหยัดอยู่ได้มาถึงทุกวันนี้ก็นับว่าเป็นปาฏิหาริย์ เพราะฉะนั้นเมื่อมาเจอวิกฤติจากการเป็นทีวีที่ไม่มีการสนับสนุนใดๆ จากฟากฝ่ายใดของฝ่ายการเมืองเลย เป็นสถานีประชาธิปไตยที่ยืนหยัดแม้ว่าจะเจอคำครหามากมาย แต่พีซ ทีวี ก็ยังก้มหน้าก้มตาทำหน้าที่รายงานข่าวประชาธิปไตยอย่างซื่อสัตย์ และอยู่ฝั่งตรงข้ามกับผู้มีอำนาจตลอดมา จึงไม่มีสปอนเซอร์ที่จะกล้ามาเสี่ยงตายกับพีซ ทีวี” นายจตุพร กล่าว
นายจตุพร กล่าวต่อว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาได้พยายามหาทางออก เช่น ปรับลดเงินเดือนพนักงานควบคู่การปรับลดเวลาการทำงานเพื่อลดค่าใช้จ่าย แต่ก็ยังไปไม่ไหวจนค้องตัดสินใจปิดกิจการ และไม่สามารถปฏิบัติตามกฎหมายแรงงานได้อย่างเต็มที่ และถ้าไม่มีปาฏิหาริย์ใด วันที่ 30 มิ.ย. นี้ก็ต้องปิดสถานีพักการออกอากาศ ซึ่งการใช้ช่องทางโซเชียลมีเดียก็เป็นเรื่องที่ยากลำบาก เพราะยังต้องใช้บุคลากรจำนวนมากพอสมควร ภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจที่ยากลำบากนี้ ผมเองพยายามคิดหาหนทางในโซเชียลมีเดียทั้งยูทูป เฟซบุ๊กทั้งของผม และพีซ ทีวี มีผู้ติดตามประมาณ 1.5 ล้านคน
หากพนักงานคนใดมีสินค้าก็สามารถมาฝากขายผ่านเพจนี้ได้โดยไม่หักค่าใช้จ่าย เพื่อที่จะหารายได้ในช่วงที่ยากลำบาก วันนี้เราได้ยืนหยัดและไม่มีหลังพิงใดๆ ทางการเมือง ในอนาคตผมเองก็รอดูสถานการณ์ ประวัติศาสตร์ของ พีซ ทีวี มีทั้งความภาคภูมิใจ และความเลวร้ายที่เจ็บปวด อย่างไรก็ตามก็พยายามหาหนทางแสงสว่างแม้ในยามมืดมนก็ตาม
นายจตุพร กล่าวด้วยว่า การต่อสู้กับระบอบประยุทธ์ อย่างไรก็ยังดำรงอยู่แม้ว่าจะต้องล้มลุกคลุกคลานในฐานะประชาชน ถึงแม้พีซ ทีวี จะไม่มีปาฏิหาริย์ก็ต้องใช้ช่องทางสงครามโซเชียลมีเดีย ทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องชะตากรรมของ พีซ ทีวี ส่วนภาระหน้าที่ของคณะสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย ซึ่งเป็นคนละส่วนกับพีซทีวี ก็ต้องยืนหยัดและยังดำเนินกิจกรรมตามปกติ วันที่ 24 มิถุนายนนี้ ก็จะไปทำเนียบรัฐบาลส่วนรูปแบบจะเป็นอย่างไรก็จะได้มีการพูดคุยและแถลงกันต่อไป