“สฤษฎ์พงษ์” ท้วง พ.ร.ก.เงินกู้5แสนล้าน ไม่สอดคล้องกับ การฟื้นฟู ภาคท่องเที่ยว

สฤษฎ์พงษ์ เกี่ยวข้อง ส.ส.กระบี่ ท้วงติง เรื่องเงินกู้ 5แสนล้าน ไม่สอดคล้องกับการนำไปฟื้นฟูในภาคส่วนการท่องเที่ยวของประเทศ แนะรัฐ เห็นใจปชช. และผู้ประกอบการ ในเรื่องเงินสมทบ ควรให้มีการพักชำระได้

วันที่ 9 มิ.ย. 2564 นายสฤษฎ์พงษ์ เกี่ยวข้อง สส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย (ภท.) เขต 2 อภิปรายพระราชกำหนด (พ.ร.ก.)เงินกู้ 5 แสนล้านบาท เพื่อนำไปฟื้นฟูในภารกิจการท่องเที่ยว โดยเฉพาะฝั่งอันดามัน สำหรับ จ.กระบี่ มีรายได้จากการท่องเที่ยวปีละ 120,000 ล้านบาท หากจัดลำดับ ที่ 1-5 เริ่มตั้งแต่กรุงเทพฯ-ชลบุรี-ภูเก็ต-กระบี่-เชียงใหม่ และ สุราษฎร์ธานี นี่คือ จังหวัดที่เป็นพื้นที่ สร้างรายได้ให้ประเทศอย่างมหาศาล โดยในปี 2560-2562 มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้ามา 39 ล้านคนต่อปีสำหรับภาพรวมของการท่องเที่ยวตั้งแต่ปี 2559-2563 จะเห็นได้ว่านักท่องเที่ยวที่เข้ามาในประเทศไทยจำนวนมาก ทำรายได้ตั้งแต่ 1.4 ล้านล้าน จนถึง 1.9 ล้านล้าน และ ในปี 62-63 ตกลงเรื่อยมา เนื่องจากปัญหาของไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ทำให้โรงแรมขนาดใหญ่ได้รับผลกระทบ บางรายก็ปิดตัวลง บางรายต้องขายที่ดิน และมีหนี้สิน ตามมาด้วย“จากข้อมูลของสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และนายกสมาคมการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต จะเห็นได้ว่าวิธีการแก้ไข อย่างกรณี กู้เงินมา 5 แสนล้าน ทำไมไม่นำไปใส่ในเรื่องของ soft Loan ให้กับโรงแรมเพื่อที่จะใช้จ่าย รักษาเจ้าหน้าที่ พนักงานในส่วนของโรงแรม รัฐบาลจะต้องใช้เงินให้มีคุณภาพ และมีคุณค่าอย่างเป็นระบบ” นายสฤษฎพงษ์ กล่าว และว่า ในส่วนของเงินที่หักสมทบตามมาตรา 33 ก็เป็นปัญหา ที่จะให้นายจ้าง-ลูกจ้างจ่ายคนละครึ่ง จาก 5% บวก 5% ลดลงมาเหลืออยู่ 2.5 และลูกจ้าง 2.5 ตรงนี้ขอให้พักไว้ก่อนได้หรือไม่ และเงินในส่วนที่สมทบ เงินที่หักค่าลูกจ้างของโรงแรมต่างๆ ที่จริงแล้วมีเงินช่วยในส่วนของผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมได้หลายวิธีการด้วยกันจึงขอฝากสภาพัฒน์ ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักสำนักงบประมาณ และธนาคารแห่งประเทศไทย โดยเฉพาะกฤษฎีกาซึ่งเป็นผู้ที่หน่วยงานตีความทางกฏหมาย จะเห็นได้ว่า 4 องค์กรหลักเป็นหน่วยที่ชี้นำในส่วนของนโยบายขับเคลื่อนของรัฐบาล และมีความสำคัญอย่างยิ่ง และมีความผิดพลาดมาตลอด เพราะฉะนั้น รัฐบาล จะต้องวางกรอบที่ชัดเจนต้องแก้ไขปัญหาอย่างไร นอกจากนี้ ในเรื่องของวัคซีนท้องถิ่นก็ยังมีปัญหา ขอให้ทางกระทรวงมหาดไทย รีบดำเนินการแก้ไขปัญหา โดยจะต้องมีระบบการจัดการที่ชัดเจน และจะต้องตอบคำถามในส่วนของพี่น้องประชาชนได้ด้วย