“สุรินทร์” เตือน “ไทย-อาเซียน” เตรียมรับมือสถานการณ์ผันผวน หลัง “โดนัลด์ ทรัมป์” ผงาดขึ้นแท่น ปธน.คนที่ 45 สหรัฐฯ แนะเรียนรู้นโยบาย-การทูตใหม่ คาด ศก.มะกันปิดตัวมากขึ้น
เมื่อวันที่ 9 พ.ย.59 นายสุรินทร์ พิศสุวรรณ อดีตเลขาธิการอาเซียน กล่าวถึงกรณีที่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีประเทศสหรัฐฯ ว่า มีผลกระทบต่อภูมิภาคอาเซียนและประเทศไทยโดยรวมแน่นอน จึงขอให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเตรียมการรองรับของสถานการณ์ความผันผวนไม่แน่นอน และขอให้เรียนรู้ในนโยบายใหม่และวิธีทางการทูต ที่อาจจะเปลี่ยนไปของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่ทั้งโลกต้องเตรียมการ เพราะที่ผ่านมาเราไม่เคยทราบถึงนโยบาย รวมถึงบุคลิกส่วนตัวของเขา เนื่องจากเป็นคนที่ไม่ได้มาจากองค์กรที่ทำงานเกี่ยวกับรัฐ แต่มาจากภาคเอกชนที่เข้ามาในพรรครีพับลิกัน ที่สำคัญทั้งอาเซียนและประเทศไทย ต้องเตรียมการรองรับความผันผวนของแรงปะทะต่อจากนี้ เช่น คาดว่าจะได้เห็นความสัมพันธ์แบบทวิภาคี หรือ 2 ต่อ 2 มากกว่าการใช้องค์กรระดับภูมิภาคอย่างอาเซียน หรืออียู สรุปคืออาจมีการใช้การเจรจาระดับทวิภาคี มากกว่าพหุภาคีในเรื่องต่างๆ ระหว่างประเทศมากขึ้น คาดสหรัฐฯ ใช้นโยบายปิดตัวเองมากขึ้น
ส่วนด้านเศรษฐกิจคาดว่า สหรัฐฯ จะใช้นโยบายปิดตัวเองมากขึ้น คือ เขาจะสร้างกระแสกดดันแรงมากขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาภายใน เช่น การว่างงาน มีการส่งเสริมเรียกนักลงทุนของเขาที่กระจายตัวทั่วโลก จากแหล่งผลิตสินค้าราคาถูกให้กลับประเทศเพื่อสร้างงานภายในของเขา แต่ราคาสินค้าก็จะสูงขึ้นตามไปของค่าผลิต เมื่อส่งออกต้องแข่งขันกันสืนค้าทุนที่ต่ำกว่าแข่งขันไม่ได้ เขาจะมีมาตรการโดยใช้กระแสการปิดตัวเองของเขามากยิ่งขึ้น ประเทศที่พึ่งพาการส่งออกสินค้าอย่างไทยหรือภูมิภาคอาเซียน ต้องมองปัญหาและหาทางแก้ไข เช่น การเร่งผนึกอาเซียนให้เป็นหนึ่งเดียว เพื่อมีกำลังในการต่อรองและให้ชาติอาเซียนช่วยเหลือกันเอง รวมถึงการพึ่งพาตลาดอย่างจีนก็มีความสำคัญที่เราต้องมุ่งเน้นความสัมพันธ์ให้มากยิ่งขึ้น