ครม. ไฟเขียว วงเงิน กว่าหมื่นล้านบาท ค่าบริการ ด้านสาธารณสุข ภายใต้หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เพิ่มค่าบริการรักษาอาการไม่พึงประสงค์จาก ประชาชน ที่ได้รับ การฉีดวัคซีนโควิด-19
วันที่ 1 มิ.ย.2564 ที่ ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ได้อนุมัติโครงการบริการสาธารณสุขภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข กรอบวงเงิน 10,569.8283 ล้านบาท เป็นค่าใช้จ่ายให้กับหน่วยบริการ สถานพยาบาลที่ให้บริการสาธารณสุขโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในการตรวจคัดกรองและรักษาพยาบาลผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ประกอบด้วยค่าใช้จ่าย ดังนี้
ค่าบริการป้องกันการติดเชื้อ 6,353.1980 ล้านบาท สำหรับค่าบริการตรวจคัดกรอง ทั้งในรูปแบบ RT-PCR, Pooled RT-PCR, Pooled saliva , Antibody, Antigen ในการคัดกรองผู้ต้องสงสัยติดเชื้อ รวมทั้งการตรวจคัดกรองเชิงรุก การตรวจก่อนทำหัตถการ การตรวจในกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูง การตรวจใน Hospitel และการตรวจเพื่อการเฝ้าระวังโรค ทั้งนี้ ประเทศไทยมีศักยภาพการตรวจสูงสุดที่ 50,000 รายต่อวัน
ค่าบริการรักษาผู้ป่วย 3,417.30 ล้านบาท สำหรับผู้ป่วยคนไทยและผู้ป่วยใน State Quarantine รวมทั้งปรับเพิ่มสัดส่วนการเข้ารับการรักษาใน Hospitel และสัดส่วนการรับส่งต่อโรงพยาบาลกับ Hospitel และระหว่างบ้าน ด่านตรวจคนเข้าเมือง และสนามบินมาโรงพยาบาล
ค่าบริการฉีดวัคซีน จำนวน 760 ล้านบาท โดยกระทรวงสาธารณสุขขอรับการสนับสนุนเพิ่มเติมเป็น 40 บาทต่อครั้ง จากเดิม 20 บาทต่อครั้ง เพื่อให้สอดคล้องกับการจัดการวัคซีนโควิด-19 ที่ยุ่งยากซับซ้อนกว่าวัคซีนทั่วไป รวมทั้งต้องใช้บุคลากรมากกว่าการฉีดวัคซีนอื่น
ค่าบริการรักษาอาการไม่พึงประสงค์ จำนวน 30.0133 ล้านบาท และค่าตรวจวินิจฉัยและรักษาภาวะ VITT จำนวน 9.2800 ล้านบาท เพื่อรองรับการจัดบริการรักษาพยาบาลสำหรับประชากรสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติที่ได้รับผลกระทบข้างเคียงจากวัคซีนโควิด-19 โดยอ้างอิงอัตรารักษาตามมาตรฐานในระบบของหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
“ทั้งนี้ เป็นโครงการที่ลงทุนให้บริการตรวจคัดกรองหรือป้องกันไม่ให้เกิดการติดโรค ซึ่งจะช่วยลดภาระงบประมาณของประเทศในภาพรวมด้านการรักษาพยาบาลผู้ป่วยซึ่งมีค่าใช้จ่ายต้นทุนการบริการที่มากกว่า รวมถึงยังเป็นหลักประกันทางสังคมด้านสุขภาพสำหรับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 อีกด้วย” นายอนุชา กล่าว