UNHRC มีมติ ตรวจสอบ ต้นตอของ สงคราม “อิสราเอล-ปาเลสไตน์” หลังพบว่า มีประชาชนผู้บริสุทธิ์ ตกเป็นเหยื่อ เสียชีชีวิตล้มตาย จำนวนมาก พร้อมตั้งข้อกล่าวหา “อิสราเอล” เข้าข่ายเป็น” อาชญากรสงคราม” พร้อมมีติห้ามรัฐต่างๆ ส่งอาวุธ ให้อิสราเอล
คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ หรือ UNHRC มีมติจะเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบข้อเท็จจริง เกี่ยวกับการปฏิบัติต่อ ชาวปาเลสไตน์ของอิสราเอล หลังจากที่ประธาน UNHRC ตั้งข้อสังเกตุว่า การที่กองกำลังอิสราเอล ใช้กำลังอาวุธถล่ม พื้นที่ฉนวนกาซาอย่างรุนแรง อาจเข้าข่ายเป็นการก่ออาชญากรรมสงคราม ซึ่งทำให้ประชาชนและชาวบ้านผู้บริสุทธิ์เกิดการบาดเจ็บและล้มตายจำนวนมาก
ทั้งนี้ในการประชุมสภาสิทธิมนุษยชนวาระพิเศษ เกี่ยวกับสถานการณ์ด้านสิทธิ์ ที่ ชาวปาเลสไตน์ต้องเผชิญ การโหวตลงมติผ่านด้วยคะแนนเสียง 24:9 มีผู้งดออกเสียง 14 เสียง โดยปากีสถาน เสนอมติดังกล่าวในนามขององค์การความร่วมมืออิสลาม (OIC) และมีการเปิดอภิปรายกันเป็นเวลา 1 วัน โดยมุ่งเน้นไปที่เหตุรุนแรงระหว่างชาวอิสราเอล และ ชาวปาเลสไตน์ที่เกิดขึ้นเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ขณะที่ อิสราเอลประณามการลงมติดังกล่าวสำนักข่าว AP รายงานว่า มติดังกล่าวเรียกร้องให้มีการจัดตั้ง “คณะกรรมการสอบสวนแบบถาวร” ขึ้น ซึ่งจะเป็นเครื่องมือที่มีศักยภาพมากที่สุดในอันที่จะตรวจสอบ และรายงานการละเมิดสิทธิ์ในอิสราเอล ฉนวนกาซ่า และ เขตเวสต์ แบ๊งค์ นอกจากนี้ คณะกรรมาธิการยังสามารถตรวจสอบ ต้นตอสำคัญทั้งหมดที่ก่อให้เกิดความตึงเครียดซ้ำซาก การขาดเสถียรภาพ และการยืดเยื้อของความขัดแย้ง รวมทั้งการเลือกปฏิบัติ และการปราบปรามอย่างไม่เป็นธรรม
มติดังกล่าว ยังเรียกร้องให้รัฐต่าง ๆ ละเว้นจากการส่งมอบอาวุธให้อิสราเอล เมื่อพิจารณาเห็นว่า อาวุธดังกล่าวจะเป็นความเสี่ยงที่อาจจะนำไปใช้ในปฏิบัติการละเมิดสิทธิที่รุนแรง หรือละเมิดกฎหมายด้านมนุษยธรรม การถล่มฉนวนกาซา 11 วัน ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 248 ราย ในจำนวนนี้เป็นเด็ก 66 ราย ผู้หญิง 39 ราย แต่ในอิสราเอลมีผู้เสียชีวิต 12 ราย เป็นเด็ก 2 ราย ก่อนที่จะมีการหยุดยิงที่ไกล่เกลี่ยโดยประเทศอียิปต์