ชาวซีเรียในดามัสกัส โบกธงชาติแสดงความยินดี และชูภาพ “บาชาร์อัล อัลซาด” ได้รับเลือกให้ เป็นประธานาธิบดีสมัยที่4 ติดต่อกัน หลังชนะการลือกตั้งอย่างท่วมท้นด้วยคะแนนเสียงร้อยละ95.5
การเลือกตั้งประเทศซีเรีย เมื่อวันพุธ 26 พ.ค.ที่ผ่านมา ปรากฏว่า ประธานาธิบดีบาชาร์อัสซาดได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งสมัยที่ 4 ด้วยคะแนนเสียงมากกว่า 95% โดยเอาชนะผู้ท้าชิง 2 คนซึ่งรวมถึงอดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงของแนวร่วมกลุ่มกบฏทางการเมืองของซีเรีย
ผลการเลือกตั้งในวันพุธคือ 78% โดย อัสซาดได้รับคะแนนเสียงมากกว่า 13 ล้านเสียงตามคำกล่าวของ Hammouda Sabbagh โฆษกของสภานิติบัญญัติซีเรีย
Mahmoud Ahmad Marei ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งเลขาธิการแนวร่วมกลุ่มกบฏ National Front for the Liberation of ซีเรียได้รับคะแนนเสียงประมาณ 407,000 เสียงขณะที่ อับดุลลาห์ ซัลลัม อับดุลลาห์ จากพรรคสหภาพสังคมนิยมมาเป็นอันดับ 3 ด้วยคะแนนเสียงประมาณ 213,000 เสียง
มหาอำนาจตะวันตกได้คัเค้านการเลือกตั้งล่วงหน้าว่า“ ผิดกฎหมาย” และ“ ไม่เสรีหรือยุติธรรม” โดยอ้างว่า“ ระบอบการปกครองของอัสซาด” ปฏิเสธการลงคะแนนเสียงให้กับผู้พลัดถิ่นที่อยู่ในต่างแดน ชาวซีเรียย้อนแย้งว่าสาเหตุที่เพื่อนประชาชนจำนวนมากในการพลัดถิ่นไม่สามารถลงคะแนนเสียงได้เป็นเพราะรัฐบาล และ พันธมิตรตะวันตกเหล่านี้ ได้ปิดสถานทูตซีเรียในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ห้ารัฐที่ประณามการเลือกตั้ง ได้ให้การสนับสนุนกลุ่มก่อการร้ายที่พยายามล้มรัฐบาลในดามัสกัสตั้งแต่ปี 2554
ความขัดแย้งทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อเกิดกลุ่มก่อการร้ายรัฐอิสลาม (IS เดิมคือ ISIS) ที่อ้างสิทธิ์ในพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศจนกระทั่งรัสเซียส่งกองกำลังปราบแรามตามคำร้องขอของอัสซาดเมื่อปลายปี 2558 จนสำเร็จ การเลือกตั้งครั้งนี้ มีผู้สังเกตุการณ์จาก นานาชาติ มาร่วมเป็นสักขีพยาน อาทิ รัสเซีย จีน อิหร่าน อินเดีย บราซิล แอฟริกาใต้ เวเนซุเอลา คิวบา นิการากัว โบลิเวีย เอกวาดอร์ และ อาร์เมเนีย.
