สำเร็จแล้ว!!ครม.ไฟเขียว รถส่วนบุคคล วิ่งรับผู้โดยสารได้ หลัง”ศักดิ์สยาม”ผลักดัน

ครม. ไฟเขียว ร่างกฎกระทรวง รถยนต์ส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน สามารถจดทะเบียนให้ บริการขนส่ง ผู้โดยสาร ผ่านแอปพลิเคชัน หลัง “ศักดิ์สยาม” ผลักดันนโยบายเร่งด่วนตลอด 1 ปี 10 เดือน ด้าน กรมการขนส่งทางบก เร่งออกประกาศกำหนดหลักเกณฑ์แล้วเสร็จภายใน 30 วัน หลังจามีผลบังคับใช้

วันที่ 25 พ.ค.2564 นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติร่างกฎกระทรวงว่าด้วยรถรับจ้างบรรทุกผู้โดยสารไม่เกินเจ็ดคนผ่านระบบอิเล็กทรอนิสก์ พ.ศ. …. โดยเป็นการอนุญาตให้รถยนต์ส่วนบุคคลมาจดทะเบียนเปลี่ยนประเภทเป็นรถยนต์รับจ้าง ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้เป็นทางเลือกสำหรับประชาชนในการให้บริการ และส่งเสริมให้ผู้ขับรถยนต์ สามารถประกอบอาชีพได้ถูกต้องตามกฎหมาย

ทั้งนี้ เหตุผลและความจำเป็นในการออกร่างกฎกระทรวงดังกล่าว เนื่องจากปัจจุบันการให้บริการการเดินทางโดยการเรียกใช้บริการผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ เป็นที่นิยมของประชาชน ซึ่งรถยนต์ที่นำมาให้บริการบางส่วนยังไม่สามารถนำมาจดทะเบียนได้ตามประเภทที่กฎหมายกำหนด ดังนั้น จึงเห็นสมควรกำหนดให้มีรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกิน7คน ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ขึ้นอีกแบบหนึ่งของรถยนต์รับจ้างนายศักดิ์สยาม กล่าวว่า สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) จะต้องออกประกาศกําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข การรับรองผู้ให้บริการ และแอปพลิเคชัน ที่จะนํามาให้บริการตามฐานอํานาจที่กําหนดในร่างกฎกระทรวงฉบับดังกล่าว โดยจะรับฟังความคิดเห็นผู้เกี่ยวข้องและออกประกาศ โดยใช้เวลาประมาณ 1 เดือน หลังจากที่กฎกระทรวงมีผลใช้บังคับ ซึ่งจะต้องรอประกาศในราชกิจจานุเบกษา

จากนั้นเมื่อผ่านขั้นตอน ขบ. ออกประกาศฯ แล้ว ผู้ให้บริการแอปพลิเคชัน จะต้องยื่นเอกสาร การทำงานของแอปพลิเคชัน ก่อนที่คณะกรรมการ ขบ. จะพิจารณาคุณสมบัติผู้ให้บริการ และรายละเอียดทางเทคนิคของแอปพลิเคชัน เมื่อผ่านการพิจารณาแล้ว จะออกหนังสือรับรอง หลังจากนั้นจะเปิดลงทะเบียนของทั้งผู้ขับรถ และผู้โดยสาร ก่อนจะเริ่มเปิดให้บริการต่อไป ส่วนจะสามารถเปิดให้บริการได้เมื่อไหร่นั้น จะขึ้นอยู่กับความพร้อมของผู้ประกอบการ

ในส่วนของรายละเอียดการดำเนินการของรถยนต์ส่วนบุคคลมาจดทะเบียนเปลี่ยนประเภทเป็นรถยนต์รับจ้างนั้น จะใช้แผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ส่วนบุคคลเดิม โดยให้นายทะเบียนเปลี่ยน ประเภทการจดทะเบียน เป็นรถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ในใบคู่มือจดทะเบียนรถ ขณะที่ ตัวรถ จะต้องมีอายุใช้งานได้ไม่เกิน 9 ปี แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ 1.ขนาดเล็ก เครื่องยนต์ 50-90 kW 2.ขนาดกลาง เครื่องยนต์ 90-120 kW และ 3.ขนาดใหญ่ เครื่องยนต์มากกว่า 120 kW โดยจะมีลักษณะเป็นรถเก๋ง, แวน สองตอน หรือ สามตอนก็ได้ แต่ต้องมีการทำประกันภัยเพิ่มเติมคุ้มครองสวัสดิภาพของผู้โดยสาร และติดเครื่องหมายแสดงการใช้แอปพลิเคชันด้วย

ขณะที่ คนขับรถนั้น กำหนดให้จะต้องมีใบขับขี่สาธารณะ และผ่านการตรวจสอบประวัติอาชญากรรม จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และใช้แอปพลิเคชันของผู้ให้บริการแอปพลิเคชันที่ผ่านการรับรองจาก ขบ. ขณะที่ อัตราค่าโดยสาร จะแบ่งเป็น รถขนาดเล็ก, กลาง มีค่าโดยสารไม่เกินอัตราของรถแท็กซี่ในปัจจุบัน ด้านรถขนาดใหญ่ มีค่าโดยสารไม่เกินอัตราของรถแท็กซี่ VIP ในปัจจุบัน โดยสามารถมีค่าบริการเพิ่มเติมกรณีอื่นได้ แต่ต้องไม่เกิน 200 บาท ทั้งนี้ รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม จะเป็นผู้ประกาศกำหนดอัตราค่าโดยสาร

สำหรับแอปพลิเคชัน จะต้องเป็นแอปพลิเคชันสําหรับเรียกใช้บริการรถยนต์รับจ้างฯ ในส่วนของผู้ขับรถ จะต้องมีระบบยืนยันตัวตน เช่น Pin Code, Fingerprint, Face Scan เป็นต้น อีกทั้งมีระบบคํานวณเส้นทาง ระยะเวลา และค่าโดยสารโดยประมาณ มีระบบรับส่งข้อความ/โทรศัพท์กับผู้โดยสาร ในส่วนของผู้โดยสาร จะมีระบบลงทะเบียนผู้โดยสาร ระบบเรียกใช้งานรถยนต์รับจ้างแบบทันทีและแบบจองล่วงหน้า รวมถึงมีระบบคํานวณเส้นทาง ระยะเวลา และค่าโดยสารโดยประมาณ ระบบประเมินความพึงพอใจต่อผู้ขับรถ และระบบแจ้งเหตุฉุกเฉิน

ขณะที่ คุณสมบัติของผู้ให้บริการแอปพลิเคชันนั้น จะต้องเป็นนิติบุคคลที่จดทะเบียนในประเทศไทย มีทุนจดทะเบียนตามที่กำหนดในประกาศ (ไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท) และต้องมีสถานที่ประกอบการในประเทศไทย รวมถึงมีความพร้อมในการให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง และต้องไม่เคยถูกเพิกถอนในการได้รับอนุญาตเป็นผู้ให้บริการระบบ GPS ตามกฎหมายของ ขบ.

สำหรับการดำเนินการเรื่องดังกล่าวนั้น นับเป็นนโยบายเร่งด่วนตั้งแต่ที่นายศักดิ์สยาม เข้ารับตำแหน่งรมว.คมนาคมอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 30 ก.ค. 2562 หรือผลักดันมาโดยตลอดกว่า 1 ปี 10 เดือนที่ผ่านมา พร้อมทั้งเป็นนโยบายของพรรคภูมิใจไทย ที่ระบุไว้ว่า การส่งเสริมนโยบายดังกล่าว จะเป็นการเพิ่มทางเลือกด้านการบริการให้กับประชาชนมากขึ้น โดยที่ราคาค่าบริการจะต้องเกิดความเป็นธรรม ทั้งผู้บริโภค และผู้ขับขี่แท็กซี่ด้วย