“ธีระชัย”ร้อง!! ศาลปกครองสูงสุด เพิกถอนมติครม.กู้7แสนล้าน-1ล้านล้าน ชี้ขัดรธน.

อดีตรมว.คลัง ยื่นร้องศาลปกครอง ให้เพิกถอน มติ คณะรัฐมนตรี เห็นชอบ ออก พ.ร.ก.กู้เงิน 7 แสนล้านบาท และ พ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท ชี้ ขัดกฎหมายรัฐธรรมนูญ จี้ นายกฯต้องรับผิดชอบความเสียหาย

วันที่ 24 พ.ค.64 ที่ สำนักงานศาลปกครอง ถ.แจ้งวัฒนะ นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วยคณะแกนนำกลุ่มสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย เดินทางมายื่นฟ้องคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อศาลปกครองสูงสุด ให้พิจารณาและมีคำสั่งเพิกถอนมติครม.เมื่อวันที่ 18 พ.ค. ที่ผ่านมา ที่เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอให้ออกร่างพ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดระลอกใหม่ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. … วงเงินไม่เกิน 7 แสนล้านบาท และมติ ครม. เมื่อวันที่ 7 เม.ย.2563 ที่มีมติเห็นชอบพ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา พ.ศ. 2563 หรือ พ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้านล้านบาทนายธีระชัย กล่าวว่า ตน ไม่ได้ขัดขวางการกู้เงิน เพราะตระหนักดีว่า ประชาชนมีความเดือดร้อน และในการแก้ไขปัญหาโควิด-19 ยังมีเรื่องต้องทำอีกมากมายและจำเป็นต้องใช้เงินอีกไม่น้อย แต่การใช้เงินจำเป็นจะต้องดำเนินการไม่ให้ผิดรัฐธรรมนูญหากปล่อยให้มีการออก พ.ร.ก.ที่ผิดกฎหมาย ผิดรัฐธรรมนูญ สุดท้ายประชาชนก็ไม่ได้เงินอยู่ดี เพราะจะมีคนทักท้วงได้ เเละมีปัญหาในภายหลัง จึงมาขอให้ศาลพิจารณายกเลิกมติครม.ที่อนุมัติ พ.ร.ก.กู้เงิน 7 แสนล้านบาท และ พ.ร.ก. 1 ล้านล้านบาท ที่ ครม.เห็นชอบไปก่อนหน้านี้

นายธีระชัย ยังกล่าวอีกว่า เนื้อหาสาระของร่าง พ.ร.ก. ดังกล่าวทั้งสองฉบับ น่าจะคล้ายคลึงกัน แต่ปัญหาคือ มีการตัดตอน องคาพยพในการตรวจสอบ กำกับ เพื่อให้เกิดความโปร่งใสรัดกุมของหลักวินัยการเงินการคลัง ออกไปแล้วไปยกร่างให้มีคณะกรรมการชุดใหม่ขึ้นมามีอำนาจเบ็ดเสร็จในการคัดเลือกโครงการและเสนอคณะรัฐมนตรีอนุมัติ กำกับโครงการ และมีอำนาจในการออกระเบียบ ซึ่งลักษณะนี้ถือเป็นการใช้จ่ายที่หละหลวม ขัดกับวินัยการเงินการคลังนายธีระชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ ร่าง พ.ร.ก.กู้เงิน 7 แสนล้านบาท อยู่ระหว่างรอทูลเกล้าฯ เพื่อให้มีผลบังคับใช้ ซึ่งก่อนหน้านี้ ตนได้แถลงข่าว เสนอแนะต่อองคมนตรีว่า ก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ ให้พิจารณาร่างกฎหมายนี้อย่างรอบคอบ ให้นำความเห็นของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมาพิจารณาประกอบด้วย และขอแนะนำ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีว่า การนำเสนอร่างกฎหมายที่ผิดรัฐธรรมนูญ อาจเข้าข่ายเป็นความผิด มาตรา 112 โดยตรง และในอนาคตการทำสัญญาเงินกู้ของรัฐบาลกับหน่วยงานต่างๆ อาจจะมีปัญหา หากมีการหยิบยกเป็นประเด็นโต้แย้ง ว่า คณะรัฐมนตรีอนุมัติกฎหมายเงินกู้ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ เข้าข่ายละเมิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา157 และ มาตรฐานจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง แต่ถ้ารัฐบาลยังยืนกรานว่า การออก พ.ร.ก.เงินกู้ ถูกต้องแล้ว จะเดินหน้าต่อไป พล.อ.ประยุทธ์ ก็ต้องรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้น