ธีรชัย ภูวนารถนรานุบาล อดีตรมว.คลัง เตรียมร้องศาลปกครองสูงสุด วินิจฉัย เงินกู้ 7 แสนล้าน ชี้ ส่อขัด กฎหมาย ละเมิดหลักการวินัยการเงินการคลัง
วันที่ 23 พ.ค.2564 นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า จากกรณีที่เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2564 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบร่างพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดระลอกใหม่ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. .. เพื่อกู้เงินในวงเงิน 7 แสนล้านบาท นั้นเนื่องจากพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 ซึ่งกู้เงิน 1 ล้านล้านบาท นั้น มีบทบัญญัติที่นอกเหนือจากเรื่องการกู้เงิน โดยได้บรรจุกระบวนการใช้จ่ายเงินของรัฐเข้าไว้ด้วย
โดยมีการจัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาให้มีอำนาจเบ็ดเสร็จครบวงจรเกี่ยวข้องกับการใช้จ่ายเงินดังกล่าว ทำให้การใช้จ่ายเงินของรัฐมีความหละหลวม ไม่มีขบวนการตรวจสอบให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย อันเป็นการละเมิดหลักการวินัยการเงินการคลัง และเป็นที่เชื่อได้ว่า พ.ร.ก. ฉบับใหม่ก็จะมีข้อกำหนดเช่นเดียวกัน ตนมีความห่วงใยในหลักการบริหารการคลังของประเทศ จึงจะยื่นคำร้องขอให้ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยเรื่องนี้ และเนื่องจากเป็นประเด็นที่สำคัญ จึงใคร่ขอให้องคมนตรีกรุณานำข้อทักท้วงของนายธีระชัย และของทุกฝ่ายไปประกอบการพิจารณาให้รอบด้าน โดยตนจะยื่นคำร้องในวันจันทร์ที่ 24 พฤษภาคม 2564 เวลา 13.00 น.ที่ศาลปกครองสูงสุด แจ้งวัฒนะ
“ผมเองไม่ขัดข้องที่รัฐบาลจะกู้เงิน เพราะตระหนักว่าประชาชนมีความเดือดร้อน และประชาชนจำเป็นต้องใช้เงินเพื่อการแก้ปัญหาโควิดอีกมาก แต่เห็นว่าการใช้จ่ายเงินของรัฐ จำเป็นต้องมีการควบคุมตรวจสอบตามหลักวินัยการเงินการคลัง ผมขอย้ำว่า ไม่คัดค้านการที่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์จะกู้เงิน แต่ขอแนะนำให้แก้ไขร่าง พ.ร.ก. โดยขอให้ใช้หลักการเดียวกับ พ.ร.ก. สมัยรัฐบาลคุณอภิสิทธิ์ ที่กู้เงินเพื่อโครงการไทยเข้มแข็ง และ พ.ร.ก. สมัยรัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์ ที่กู้เงินเพื่อบริหารจัดการน้ำท่วมใหญ่ ซึ่งทั้งสองกรณี กำหนดให้การใช้จ่ายเงินเป็นไปตามครรลองปกติ อันเป็นไปตามหลักวินัยการเงินการคลัง ผมเห็นว่า การที่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ร่าง พ.ร.ก. ที่บัญญัติวิธีใช้จ่ายโดยจัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาให้มีอำนาจแบบเบ็ดเสร็จ คัดเลือกโครงการเอง กำกับโครงการเอง กำหนดระเบียบบริหารโครงการเอง นั้น ทำให้มีช่องโหว่หละหลวม ขาดการตรวจสอบโดยบุคคลที่สาม ไม่ตรงหลักวินัยการเงินการคลัง จึงขอเสนอให้มีการปรับปรุงแก้ไข” นายธีระชัย กล่าว