“ณัฎฐ์นนท์” ห่วงใยผู้ต้องขัง นำรถฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโควิด-19ในเรือนจำนาทวี

ณัฎฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ สส. สงขลา ภท.ห่วงใยใส่ใจทั้งผู้คุม ผู้ต้องขัง และเจ้าหน้าที่ทุกคนในเรือนจำอำเภอนาทวี จ.สงขลา พร้อมหารือกับผู้บัญชาการเรือนจำ โดยจะนำรถมาฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโควิด-19 ให้ ทั่วเรือนจำ

นายณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ ส.ส.สงขลา เขต 7 พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ลงพื้นที่เรือนจำอำเภอนาทวี จังหวัดสงขลา หารือแนวทางการป้องกัน สถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-19 ภายในในเรือนจำ กับ นายปุณณรัตน์ อภิรัตนพันธุ์ ผบ.เรือนจำนาทวี โดยวางแผนฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโควิด-19 ในเรือนจำ วันอาทิตย์ 16 พ.ค.25 64 เวลา 09.00 น. เพื่อความปลอดภัยของผู้ต้องขัง และเจ้าหน้าที่ในเรือนจำ โดยในเรือนจำ มีผู้ต้องขังชาย ประมาณ 2,500 คน สำหรับเรือนจำนาทวี รับผิดชอบพื้นที่ 5 อำเภอของจังหวัดสงขลา คือ สะเดา, นาทวี, สะบ้าย้อย, เทพา และ จะนะ ซึ่งเป็นพื้นที่ติดชายแดนประเทศมาเลเซีย ทั้งยังเป็นจุดเสี่ยงสำหรับการแพร่และรับเชื้อโควิด-19นโยบายของกรมราชทัณฑ์ ให้เรือนจำแต่ละแห่งดำเนินการป้องกันโควิด-19 โดย ออกมาตรการเข้มงวดอย่างสูงสุด เพราะฉะนั้น ตนเองในฐานะ ส.ส. เห็นปัญหาในพื้นที่ สิ่งที่ขาดก็คือความมั่นใจ วันนี้ชาวบ้านจับจ้องว่า ผู้ต้องขังแม้จะอยู่ในเรือนจำ แต่อาจจะเป็นจุดเสี่ยงในอนาคตได้ เราต้องเข้าไปพ่นฉีดยาฆ่าเชื้อ ภายในทุกแดน และบริเวณเรือนจำทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นอาคารที่พักของเจ้าหน้าที่ และ เรือนรับรอง สิ่งที่พวกเราต้องร่วมมือกัน คือ สร้างความมั่นใจให้กับชาวบ้าน ให้ญาติพี่น้องผู้ต้องขัง ไม่ต้องกังวลใจ เราจะดูแลพวกเขาอย่างเต็มที่ และต้องปลอดภัยปัจจุบันผู้ต้องขังที่ศาลตัดสินดำเนินคดีมีน้อยลง อีกทั้งศาลได้มีการเลื่อนการตัดสินคดีส่วนหนึ่ง แต่สิ่งที่ผู้บัญชาการเรือนจำกังวลที่สุดคือ ผู้ต้องขังรายใหม่ จำเป็นต้องมีการตรวจสอบอย่างรัดกุมให้มากที่สุด เพราะถ้าหากเกิดติดโควิด-19 เพียงแค่รายเดียว ก็จะทำให้เกิดการแพร่เชื้อได้อย่างรวดเร็ว และอาจจะติดทั้งหมด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 13 พ.ค. 2564 ที่ผ่านมา แม่ทัพภาคที่ 4 ได้ประชุมกับความมั่นคง อาทิ ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ให้ตึงแนวตั้งแต่ ปาดังเบซา อ.สะเดา จนไปถึง อ.นาทวี ซึ่งเป็น 3 ด่านของจังหวัดสงขลา ที่เป็นช่องทางธรรมชาติเกือบ 60 กม. เพราะฉะนั้น จึงขอความร่วมมือจากพี่น้องคนไทยที่เดินทางไปทำงานประเทศมาเลเซียว่า หากต้องการกลับประเทศขอให้ท่านเข้าสู่กระบวนการโดยผ่านเอกอัครราชทูต หรือกงสุล ถ้าผ่านช่องทางธรรมชาติ คือผิดกฎหมาย ผิดประกาศจังหวัด และยังเป็นการเอาระเบิดกลับเข้ามาให้ลูกหลาน และครอบครัวของท่านเอง จึงขอร้องให้เดินทางกลับเข้ามายังประเทศไทยให้ถูกต้องตามกฎหมายดีที่สุด