ศาลเอาจริงออกแถลงการณ์ ชี้ม็อบ 2 พ.ค. ใช้ความรุนแรง ข่มขู่ผู้พิพากษายันครอบครัว กดดันให้เปลี่ยนแปลงคำตัดสิน ไม่ใช่สิทธิเสรีภาพไร้ความชอบธรรมตามรัฐธรรมนูญ ขอตำรวจดำเนินการอย่างเคร่งครัด เตือนประชาชนแสดงออกอย่างสันติ
หลังแนวร่วมกลุ่มราษฎรเคลื่อนไหวกดดันให้ศาลอาญาอนุญาตให้ประกันปล่อยตัวชั่วคราวแกนนำที่ถูกคุมขังมาอย่างต่อเนื่อง กระทั่งกลุ่มรีเด็มพากันรวมตัวชุมนุมหน้าศาลอาญาจนเกิดเหตุการณ์ปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่นำกำลังเข้ากระชับพื้นที่บริเวณหน้าปากซอยรัชดา 32 เมื่อวันที่ 2 พ.ค. ที่ผ่านมา ล่าสุดฝ่ายตำรวจและสำนักงานศาลยุติธรรม เดินเครื่องดำเนินคดีตามกฎหมายแล้ว
สำนักงานศาลยุติธรรม ออกแถลงการณ์ขอให้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบหาหลักฐานดำเนินคดี กลุ่มบุคคลที่มีพฤติการณ์ใช้ความรุนแรงข่มขู่ผู้พิพากษา ครอบครัวและบุคลากรศาล เพื่อให้เปลี่ยนแปลงคำพิพากษา สนง.ศาลยุติธรรม มีแถลงการณ์ขอแจ้งให้ ทราบว่า ในการดำเนินกระบวนการพิจารณาพิพากษา และมีคำสั่งในคดีทั้งปวง ศาลยุติธรรมให้ความสำคัญกับ สิทธิเสรีภาพของประชาชนในการแสดงความคิดเห็นเสมอมา และรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะ ความคิดเห็นทางวิชาการที่มุ่งก่อให้เกิด ความสร้างสรรค์ และพัฒนาการบังคับใช้กฎหมายในประเทศไทย
พฤติกรรมที่เกิดขึ้นบริเวณศาลอาญาเมื่อคืนวันที่ 2 พ.ค. ที่บุคคลจำนวนหนึ่ง ใช้ความรุนแรงด้วยการขว้างปาสิ่งของ ใช้เครื่องมือยิงวัสดุเข้ามาในอาคารศาล การใช้วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง จนเกิดความเสียหาย ความรุนแรงและไม่สงบขึ้นนั้น นอกจากจะเป็นการทำลายทรัพย์สินของทางราชการแล้ว ยังอาจก่อให้เกิดอันตรายแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ที่ดูแลรักษาความปลอดภัยในบริเวณศาลอาญา ถือไม่ได้ว่าเป็นการแสดงความคิดเห็นในระบอบประชาธิปไตย และอันเป็นการแสดงความคิดเห็นโดยชอบธรรมภายในกรอบของกฎหมาย อีกทั้ง ยังมีลักษณะของการก้าวล่วงใช้ความรุนแรงเพื่อแทรกแซง โดยหวังผลให้ศาลมีคำสั่งหรือคำพิพากษา ไปในทางหนึ่ง ทางใดตามที่กลุ่มผู้ใช้ความรุนแรงมุ่งประสงค์ โดยไม่ต้องคำนึงถึงหลักเกณฑ์ของกฎหมาย อันเป็นการมุ่งทำลายความอิสระของตุลาการตามรัฐธรรมนูญนอกจากการใช้ความรุนแรงดังกล่าวแล้ว ปัจจุบันยังมีพฤติกรรมทำนองขู่เข็ญและ สร้างความหวาดกลัวไม่เพียงแก่บุคลากรในศาลยุติธรรม เท่านั้น หากแต่ยังมีการขู่เข็ญ และสร้างความหวาดกลัว ไปยังบุคคลในครอบครัวของผู้พิพากษาและบุคลากรในศาลยุติธรรมด้วย ทั้งๆที่บุคคลดังกล่าวไม่ได้มีส่วน เกี่ยวข้องกับการพิจารณาพิพากษาคดีแต่อย่างใด พฤติกรรมดังกล่าวที่มีการกระทำในลักษณะเป็นขบวนการ ใช้สื่อโซเชียลต่างๆ ล้วนมุ่งหวังให้เกิดผลในทำนองเดียว กับการใช้ความรุนแรงข้างต้นที่ต้องการให้ศาลพิจารณา พิพากษาคดีหรือมีคำสั่งในทางที่ตนเอง หรือขบวนการของตนต้องการ โดยไม่คำนึงถึงหลักเกณฑ์ของกฎหมาย ไม่ใช่การแสดงความคิดเห็น หรือการใช้เสรีภาพตาม รัฐธรรมนูญอันชอบธรรมในระบอบประชาธิปไตย
ในการนี้ สนง.ศาลยุติธรรม ขอให้พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบได้ตรวจสอบการกระทำและพยานหลักฐานที่ปรากฏ หากมีการกระทำใดที่เป็นการละเมิดหรือฝ่าฝืนกฎหมาย ขอให้ พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบดำเนินการตามขั้นตอน และกระบวนการของกฎหมายอย่างเคร่งครัด ขอให้ พี่น้องประชาชนทุกภาคส่วนแสดงความคิดเห็นและใช้เสรีภาพของตนอย่างสันติด้วยความสงบ และงดเว้น การกระทำใดๆที่อาจเป็นอันตรายแก่ชีวิต เป็นภยันตราย แก่ร่างกาย หรือสร้างความเสียหายแก่ทรัพย์สิน ไม่ว่า ของส่วนบุคคลหรือของทางราชการ และให้การดำเนิน กระบวนการพิจารณาต่างๆ ดำเนินไปตามครรลองของกฎหมายที่มีการตรวจสอบและถ่วงดุลตามที่กฎหมายกำหนดในการพิจารณาพิพากษาคดีทั้งปวง ศาลยุติธรรม ทุกศาลจะยังคงทำหน้าที่ด้วยความเป็น กลางปราศจากอคติพิพากษา และมีคำสั่งให้คู่ความทุกฝ่ายได้รับความ ยุติธรรมภายใต้กรอบของกฎหมายอย่างเสมอภาค และเท่าเทียมกันต่อไป