ศบค.งัดมาตรการ!! คุมโควิดระบาด พร้อมสั่งเข้ม บทลงโทษ ไม่สวมหน้ากากอนามัย

นายกรัฐมนตรี นั่งหัวโต๊ะ เป็นประธานประชุม ศบค.ชุดใหญ่ งัดมาตรการ 4 ข้อ ที่ต้องร่วมมือกันทำทั้งประเทศ พุ่งเป้าลดการติดเชื้อโควิด-19 พร้อม สั่งรือ “บทลงโทษ-ค่าปรับ” พวกด์้อแพ่งไม่สวมหน้ากากอนามัย ให้ชัดเจน

วันที่ 29 เม.ย. 2564 นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงถึงมาตรการที่ต้องปฏิบัติเช่นเดียวกันทั้งประเทศ ภายหลังที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ที่มีบิ๊กตู่” พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธาน เห็นชอบ มีดังนี้ โดยกำหนดให้เป็น มาตรการควบคุมแบบบูรณาการสำหรับทั่วทุกพื้นที่/จังหวัด

1. การสวมหน้ากากอนามัย หรือ หน้ากากผ้า เพื่อป้องกันการแพร่โรค เพื่อลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อ และ ป้องกันมิให้เกิดสภาวะที่ไม่ถูกสุขลักษณะ ซึ่งอาจเป็นเหตุให้โรคระบาดแพร่ออกไป ให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัย หรือ หน้ากากผ้าให้ถูกวิธีตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข เมื่อออกนอกเคหสถาน หรือ อยู่ในที่สาธารณะ เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่พบผู้ไม่กระทำการตามวรรคหนึ่ง พนักงานเจ้าหน้าที่ จะว่ากล่าวตักเตือน และ สั่งให้บุคคลนั้นเพื่อให้ดำเนินการให้ถูกต้อง ก่อนที่จะดำเนินการตามหลักเกณฑ์และวิธีการตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ก็ได้

2. การจัดกิจกรรมงานเลี้ยงสังสรรค์ ให้ประชาชน งดการจัดกิจกรรมทางสังคมในลักษณะที่เป็นงานสังสรรค์ งานเลี้ยง หรือ งานรื่นเริงในช่วงเวลานี้ก่อน ยกเว้นเป็นการจัดพิธีตามประเพณีนิยม (งานศพ) หรือ เป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นในครอบครัว และ มีมาตรการป้องกันโรคที่เพียงพอเพื่อลดโอกาสเสี่ยงจากการติดเชื้อ

3. การปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง (Work from Home) ให้ หัวหน้าส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ เจ้าของกิจการ หรือ ผู้ประกอบการภาคเอกชน พิจารณาดำเนินมาตรการขั้นสูงสุดอย่างน้อย 14 วัน เพื่อมุ่งลดจำนวนการเดินทางของเจ้าหน้าที่ และ บุคลากรที่อยู่ในความรับผิดชอบเพื่อป้องกันและลดโอกาสเสี่ยงที่เจ้าหน้าที่ และ บุคลากรในความรับผิดชอบจะติดเชื้อ โดยอาจสั่งการให้ปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง การลดจำนวนบุคคลที่ประจำอยู่ในสถานที่ตั้ง การสลับวันเวลาทำงาน หรือวิธีการอื่นใดตามความเหมาะสมของแต่ละหน่วยงาน

4. ห้ามการใช้อาคาร หรือ สถานที่ของโรงเรียน และสถาบันการศึกษาทุกประเภท เพื่อการจัดการเรียนการสอน การสอบ การฝึกอบรม หรือการทำกิจกรรมใดๆ ที่มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมากทำให้เสี่ยงต่อการแพร่โรค เว้นแต่การใช้เป็นที่เอกเทศตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ หรือการใช้เป็นสถานที่เพื่อให้ความช่วยเหลืออุปการะ หรือการใช้สถานที่ตามข้อยกเว้น

อย่างไรก็ตาม ขอความร่วมมือประชาชนทุกคน หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน โปรดทำความเข้าใจและให้ความร่วมมือ การปรับระดับมาตรการนี้ เพื่อลดการติดเชื้อโควิด-19 และจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการอีกครั้งในราชกิจจานุเบกษา เริ่มมีผลตั้งแต่ 1 พ.ค. 2564

นอกจากนี้ ศบค.ยัง สั่งรื้อ “บทลงโทษ-ค่าปรับ” คนไม่สวมหน้ากากใหม่ โดย ยก กรณี นายกรัฐมนตรี กับ คนไม่ยอมเสียค่าปรับจนเรื่องไปถึงศาลเป็นตัวอย่าง โดยสั่งให้กรมควบคุมโรค และ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปหาแนวทางและการบังคับใช้ให้สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงของสังคม และไม่สร้างภาระให้ประชาชน และไม่ให้นำระเบียบของคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติปี’63 มาบังคับให้ ขีดเส้นให้เสร็จใน 1 สัปดาห์

“นายกรัฐมนตรีได้มอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพูดคุยกัน ทั้งกระทรวงสาธารณสุข สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงยุติธรรม คณะกรรมการกฤษฎีกา กระทรวงมหาดไทย กรุงเทพมหานคร ให้ไปดำเนินการกำหนดแนวทางมา คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ แต่ระหว่างนี้ให้มีการใช้ความเหมาะสมในขณะนี้ไปก่อน” นายแพทย์ทวีศิลป์กล่าว