วันที่ 15 มี.ค.60 เจ้าชาย Mohammed bin Salman รองมกุฏราชกุมารแห่งซาอุดิอาระเบีย ยกย่องโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีของสหรัฐฯว่าเป็น “มิตรแท้ของชาวมุสลิม” และกล่าวว่า การที่ผู้นำสหรัฐสั่งแบนมุสลิมจาก 6 ชาติเข้าประเทศ ไม่ได้มีเป้าหมายที่อิสลาม
เจ้าชาย Mohammed bin Salman รองมกุฏราชกุมารได้เข้าพบกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในทำเนียบขาวเมื่อวันอังคารนี้ ในการเยือนสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการ ซึ่งที่ปรึกษาระดับสูงของพระองค์กล่าวว่า เป็น “จุดเปลี่ยนทางประวัติศาสตร์” ในความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐ-ซาอุดิอาระเบีย
ที่ปรึกษากล่าวในแถลงการณ์ว่า “แม้ว่าก่อนหน้านี้สหรัฐฯ และซาอุฯ จะมีบางทัศนคติที่แตกต่างกันบ้าง การพบกันเมื่อวันอังคารนี้ได้ทำให้หลายอย่างเข้าที่เข้าทาง และได้แสดงให้เห็นถึงการยกระดับที่ในความสัมพันธ์อย่างมีนัยยะ”
ทั้งสองฝ่ายได้หารือถึงการแบนพลเมืองจากหกประเทศที่ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิมที่ยังคงเป็นปัญหาตามคำสั่งของทรัมป์ ซึ่งไม่รวมประเทศซาอุดิอาระเบียด้วย
“ซาอุดิอาระเบียไม่เชื่อว่ามาตรการนี้เกาหนดเป้าหมายไปที่กลุ่มประเทศมุสลิมหรือศาสนาอิสลาม” แถลงการณ์ของฝ่ายซาอุดิอาระเบียกล่าว โดยตั้งข้อสังเกตว่า กรุงริยาดห์เชื่อว่าการสั่งห้ามดังกล่าวเพียงเพื่อป้องกันพวกผู้ก่อการร้ายเดินทางเข้าไปในประเทศสหรัฐเท่านั้น
ทรัมป์ถูกวิพากษ์วิจารณ์อยู่บ่อยครั้งว่าล้มเหลวในการใส่ซาอุดิอาระเบียลงในบัญชีรายชื่อ แม้ว่าผู้ก่อการร้ายบางคนที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ 9/11 จะมาจากซาอุดิอาระเบียก็ตาม หลายคนกล่าวว่า การที่ทรัมป์ไม่รวมซาอุดิอาระเบียเข้าไปในกลุ่มประเทศที่ห้ามเดินทางเข้าไปในสหรัฐด้วยนั้น ก็เพราะว่าทรัมป์มีการตกลงทางธุรกิจกับราชอาณาจักรแห่งนี้ ซึ่งเขาไม่ต้องการให้มันได้รับผลกระทบไปด้วย
แถลงการณ์ยังกล่าวต่ออีกว่า “ประธานาธิบดีทรัมป์ได้แสดงความเคารพอย่างสุดซื้งต่อศาสนาอิสลาม โดยพิจารณาว่าเป็นหนึ่งในศาสนาที่ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเกิดขึ้นด้วยหลักการที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ แต่ถูกลักพาตัวโดยกลุ่มหัวรุนแรง” แถลงการณ์ฉบับนี้เรียกทรัมป์ว่า “เป็นมิตรแท้ของชาวมุสลิม ผู้ที่จะรับใช้ (/บริการ) โลกมุสลิมในอาการในลักษณะที่คาดไม่ถึง (in an unimaginable manner) ความจริงเกี่ยวกับประธานาธิบดีสหรัฐนั้น แตกต่างจากสิ่งที่สื่อและคนอื่นๆมองเขา”
เจ้าชายซาอุดิอาระเบียได้หาหรือถึงเรื่องข้อตกลงอาวุธนิวเคลียร์ปี 2015 ของอิหร่าน ร่วมกับทรัมป์ ก่อนหน้านี้ทรัมป์บอกว่าข้อตกลงดังกล่าวเป็นมหันตภัย และเป็นข้อตกลงที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่เคยมีการเจรจามา เจ้าชายซาอุดิอาระเบียรีบพยักหน้าเห็นด้วยกับทรัมป์โดยกล่าวว่า “มันเป็นข้อตกลงที่แย่มาก และก็อันตรายมาก”
นอกจากนี้แถลงการณ์ของที่ปรึกษาฯ ยังกล่าวหาอิหร่านอีกว่า “พยายามที่จะให้ได้มาซึ่งความชอบธรรมในโลกอิสลามโดยการสนับสนุนองค์กรก่อการร้าย” ส่วนเรื่องการสร้างกำแพงชายแดนสหรัฐ-เม็กซิโกนั้น ทั้งสองฝ่ายต่างก็ยกย่องกรณีซาอุดิอาระเบียสร้างรั้วตามแนวชายแดนอิรัคว่าประสบความสำเร็จ ซึ่งสามารถป้องกันการเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายรวมทั้งการลักลอบขนสิ่งผิดกฎหมายต่างๆด้วย
เรียบเรียงจาก เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
https://www.facebook.com/fisont
https://vk.com/theeyesproject
15/03/2560
———-
https://www.rt.com/news/380822-trump-saudi-muslim-friend/