ประธานนปช. ชี้ “บิ๊กตู่” งัดกฎหมาย 31 ฉบับ ขอยึดอำนาจ บริหารจัดการแก้ปัญหา โควิด-19 เท่ากับ แทรกแซงการทำงาน รมว.สาธารณสุข ย้อนสัจธรรม ใช้กฎอัยการศึก ยึดอำนาจ รัฐบาลประชาธิปไตย
วันที่ 28 เม.ย.64 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) เฟชบุ๊กไลฟ์ peace talk ระบุว่า นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี ประชุมเมื่อวันที่27 เม.ย. มีเรื่องการมอบอำนาจของรัฐมนตรีตามกฎหมาย 31 ฉบับให้เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี ซึ่งความจริงคือการยึดอำนาจกลายๆ ลีลาแบบนี้ของพล.อ.ประยุทธ์ เคยใช้ก่อนวันที่ 22 พ.ค. 2557 มีการประกาศใช้กฎอัยการศึกทั้งประเทศ มีการสงสัยเรื่องการประกาศใช้อำนาจ และตนเป็นคนที่เชื่อมาตั้งแต่ต้นว่า พล.อ.ประยุทธ์ต้องลงมือยึดอำนาจและการประกาศใช้กฎอัยการศึก คือการขยับกำลังทหารมาปิดล้อมทุกๆส่วน เพื่อรักษาความสงบ จากนั้นก็แปลงมาเป็นคณะรัฐประหารกันแทน
อย่าว่าแต่กฎหมาย 31 ฉบับ กฎหมายทุกฉบับ ยังเล็กกว่าพล.อ.ประยุทธ์ เพราะประเทศเรา ยอมรับการยึดอำนาจว่า ผู้ยึดอำนาจสำเร็จ เป็นองค์รัฏฐาธิปัตย์ มีสถานะเทียบเท่า องค์รัฏฐาธิปัตย์ในยามที่บ้านเมืองเป็นปกติ ดังนั้นชี้ได้ชัดเจน ในขณะที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เหนือทุกอำนาจทั้งนิติบัญญัติ บริหารและตุลาการ ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาชาติบ้านเมืองได้ มาครั้งนี้นับตั้งแต่มีการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินเป็นต้นมา ไม่มีอะไรบ่งบอกว่าเป็นอุปสรรคในการใช้อำนาจ และหลายกฎหมายไม่มีความเกี่ยวข้องกับการบริหารสถานการณ์โควิด ดังนั้นกฎหมายที่ไม่เกี่ยวข้อง นั่นคือการยึดอำนาจกลายๆไปแล้ว เพียงแต่ยังไม่ต้องใช้กำลังทางการทหารมาแสดงตนเรื่องการยึดอำนาจ
นายจตุพร กล่าวว่า กรณีพล.อ.ประยุทธ์ บอกว่ามีรัฐมนตรีบางคนไปนินทา เป็นการเก็บอาการไม่อยู่ ความจริงการพูดถึงผู้บังคับบัญชา ในสังคมไทยของผู้ใต้บังคับบัญชานั้น เชื่อว่ามีกันทุกคน บางครั้งการสะท้อนปัญหาของคนที่เป็นรัฐมนตรีเป็นส่วนใหญ่ในทางปฏิบัติ เมื่อมีคำสั่งแล้ว ตัวเองไม่สามารถที่จะไม่เห็นด้วยได้ แน่นอนที่สุด ต้องพูดถึงโดยหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงซึ่งหน้า เพราะจะกลายเป็นปัญหาก็เข้าใจได้ เพียงแต่ความรู้สึกของนายกรัฐมนตรี ที่อยู่ในจุดที่มันเปราะบางเต็มที จนกระทั่งมีความรู้สึกถึงผู้ใต้บังคับบัญชานินทาและเสียงมันเข้าหู มันรกหู
คนเราเมื่อมีอำนาจมากต้องการฟังในสิ่งที่ตัวเองอยากฟัง เพราะฉะนั้นหลายคนได้รู้ทฤษฎีนี้ วันที่พล.อ.ประยุทธ์ หมดอำนาจ เชื่อว่าอีกไม่นาน พล.อ.ประยุทธ์จะได้พบสัจธรรมและความจริงว่า ควรจะทำอะไรหลายๆอย่างในช่วงที่ยังมีอำนาจกว่า 7 ปีนี้ หลายเรื่องราว พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้มองเห็น แต่กลับมองเห็นในสิ่งที่เขาจัดฉากให้มองเห็น พล.อ.ประยุทธ์ จึงเข้าใจผิดว่าได้แก้ไขปัญหาจนเป็นที่พึงพอใจของประชาชน ทั้งที่ความพึงพอใจที่ว่านั้นคือการจัดฉากทั้งสิ้น
ส่วนประเด็นเรื่องความขัดแย้งของคนในรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ปรากฏการณ์ของนายกรัฐมนตรี กับ รมว.สาธารณสุข ซึ่งเป็นหมอไม่ทน ได้เข้าชื่อขับไล่นายอนุทิน คนส่วนใหญ่มีข้อสงสัยว่าทำไม ไม่ขับไล่พล.อ.ประยุทธ์ด้วย เพราะนายกรัฐมนตรีเป็นผู้มีอำนาจทุกอย่าง ตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน จึงมีการโต้ไปมาระหว่างพรรคภูมิใจไทยและพรรคพลังประชารัฐ คือ รอยปริของรัฐบาลที่ชัดเจน เชื่อว่า จะมีการใช้อำนาจ 31 ฉบับนี้ จัดการคนที่เห็นต่างกันอีก