“ศุภชัย” โต้กลับ แรมโบ้-สิระ ฟังไม่ได้ศัพท์จับไปกระเดียด หวังเอาใจนาย พร้อมแจงแค่แชร์บทความสื่อ ยันไม่มีเจตนาโยนความผิดให้ใคร หวังแก้ปัญหาโควิดตอบโจทย์สถานการณ์ปัจจุบัน
.
วันที่ 27 เมษายน 2564 นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ฐานะที่ผมเป็นสมาชิกรัฐสภา และผู้แทนของพี่น้องประชาชนคนไทย ผมมีความห่วงใยต่อสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ไม่ได้น้อยกว่าพี่น้องประชาชนท่านใด หรือน้อยกว่าองค์กรหรือหน่วยงานใดของรัฐ
ผมเองนั้นก็ต้องกักตัวไปแล้วถึง 4 ครั้ง และถึงแม้จะมีผลการตรวจออกมาเป็นลบ แต่ความห่วงใยต่อการบริหารจัดการปัญหาในช่วงเวลานี้ ทั้งในนโยบายระดับภาครัฐและในระดับหน่วยงานต่าง ๆ ย่อมเป็นปัญหาสำคัญที่ควรจะต้องพิจารณาทบทวนแนวทาง และมาตรการอย่างจริงจังการที่ผมได้นำบทความของหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งมาโพสต์ใน Facebook ของผมก่อนหน้านี้ เพราะผมเห็นว่าน่าสนใจจึงได้นำมาลง ผมไม่ได้มีเจตนาที่จะกล่าวหา หรือโยนความผิดกับบุคคลใด แต่เป็นความปรารถนาที่อยากจะเห็นการปรับปรุงแก้ไข การประเมินและการจัดการปัญหาทั้งระบบที่ตอบโจทย์ในสถานการณ์ปัจจุบันมากยิ่งขึ้นเพื่อให้วิกฤตในปัจจุบันคลี่คลายไปโดยเร็ว ซึ่งผมยอมรับว่า ทั้งรัฐบาล ศบค. และกระทรวงสาธารณสุขยังมีจุดที่จะต้องหาทางร่วมมือ และแก้ไขข้อบกพร่องในการแก้ปัญวิกฤตนี้ร่วมกัน ผมในฐานะประชาชนคนหนึ่งซึ่งมองเห็นถึงข้อจำกัดในการบริหารจัดการเหล่านี้ จึงได้นำความเห็นในบทความนั้นแสดงออกมาโดยสุจริตใจ และหาได้มีเจตนาที่จะโยนความรับผิดชอบไปยังผู้หนึ่งผู้ใด เพราะผมคิดว่า มันเป็นความรับผิดชอบร่วมกันของทุกหน่วยงาน รวมถึงของคนไทยทุกคนที่จะต้องร่วมกันฝ่าวิกฤตอันใหญ่หลวงครั้งนี้ไปให้ได้ ซึ่งผมหวังว่าความเห็นนั้นจะสามารถเป็นส่วนเล็ก ๆ ที่จะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในการแก้ปัญหาวิกฤตครั้งนี้อย่างเหมาะสมกับสถานการณ์มากยิ่งขึ้นเท่านั้นแต่ทันใดนั้นเอง กลับมีสื่อบางสื่อนำโพสต์ของผมไปออกข่าวในทำนองว่า ผมได้โพสต์ข้อความตำหนิการทำงานของนายกรัฐมนตรี ฯลฯ พร้อมกับมีบรรณาธิการออกโทรทัศน์มาตอบโต้ ทั้งที่ในโพสต์ทุกถ้อยคำทุกตัวอักษร คือบทความของหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง แค่นั้นไม่พอมี ส.ส.คนหนึ่ง และผู้ช่วยรัฐมนตรีอีกคนหนึ่ง แถม ส.ส.ที่เป็นรองโฆษกพรรค อีกคนหนึ่ง ออกมาตอบโต้อย่างรุนแรงต่อผม และพาดพิงถึงหัวหน้าพรรคผม ซึ่งการกระทำนั้นถือเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของผมในการที่จะโพสต์บทความใดๆ ในเฟซบุ๊กส่วนตัวผม และละเมิดเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของสื่อมวลชนอย่างไรก็ตามผมไม่ถือสาหาความกับสื่อมวลชนบางสื่อที่รีบออกมาบิดเบือนความจริงในทันที หรือ ส.ส. และ ผู้ช่วยรัฐมนตรี ที่ฟังไม่ได้ศัพท์จับไปกระเดียด เป็นฟืนเป็นไฟออกมาตอบโต้เอาใจนายหรอกครับ เพราะรู้จักนิสัยคนพวกนั้นดี
.