เตือนสติ!!”นิพิฎฐ์” FBประเทศเป็นของคนไทย ทุกคนเท่าเทียม อย่าไล่ใครออกไป

“นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ” โพสต์ เตือนสติ ประเทศนี้ก็เป็นของคนที่มีความเห็นต่างกับเราเหมือนกัน สถาบันเป็นของทุกคน อย่าผลักให้ใครเป็นคนไม่รักสถาบัน ใครเข้าใจผิดก็พยายามชี้แจง ไม่ควรมีใครต้องถูกไล่ไปอยู่นอกประเทศ

วันที่ 17 เม.ย.64 นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต ส.ส. อดีตรัฐมนตรี และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความ แสดงความเห็น ชี้ว่า ประเทศไทยเป็นของทุกคนเท่าเทียมกัน แม้จะเป็นคนที่เห็นต่างกันในทางการเมือง พร้อมเรียกร้องอย่ายัดข้อหาไม่รักสถาบันให้กับใคร

อย่าสุดขั้ว ผมย้ำหลายครั้ง ผมไม่สุดขั้ว ไม่ว่าซ้าย หรือขวา ผมไม่ไล่คนเห็นต่างให้ไปอยู่ต่างประเทศ เพราะประเทศนี้ก็เป็นประเทศของคนที่เห็นต่างกับเราเหมือนกัน เขาก็มีสิทธิที่จะอยู่

ผมไม่ยัดเยียดข้อหาให้ใครว่าเป็นคนไม่รักสถาบัน แต่ผมเคยตอบโต้กับคนใส่ร้ายสถาบันอย่างดุเดือดมาหลายครั้ง ใครเข้าใจสถาบันผิดผมก็พยายามชี้แจงให้เขาเข้าใจอย่างถูกต้อง ผมถือว่าสถาบันเป็นของเรา และเราก็เป็นของสถาบัน สถาบันอยู่คู่กับประเทศนี้ตั้งแต่วันแรกที่เรามีประเทศเป็นของเรา แต่เราจะอยู่แบบสุดขั้วไม่ได้ เพราะการสุดขั้วไปด้านใดด้านหนึ่งไม่มีประโยชน์กับใครเลย เพราะในความจริงแล้วการสุดขั้วด้านใดด้านหนึ่ง ก็คือเผด็จการนั่นแหละ เพียงแต่เผด็จการซ้าย หรือเผด็จการขวา เท่านั้นเอง

ผมพยายามหาพื้นที่กลางๆ ให้คนอยู่ร่วมกันได้ โดยไม่จำเป็นต้องด่าทอกัน ผมคิดว่า นั่นเป็นพื้นที่ที่ดีที่สุดสำหรับประเทศไทย แต่ต้องยอมรับความจริงว่า พื้นที่เหล่านั้นแคบลงทุกที จนเกือบไม่มีพื้นที่กลางๆ ให้คนได้อยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุขแล้ว ประเทศนี้กลับมีพื้นที่ให้คนเลือกข้างอยู่เท่านั้น ใครจะโกรธ จะเกลียดผม ก็ตามสบายครับ แต่จะมาชวนผมให้เกลียดใครด้วย อย่าทำเลยไม่ได้ผล ไม่มีประโยชน์ แต่หากผมไม่เห็นด้วยเรื่องอะไรผมจะออกมาตอบโต้ทันที ผมไม่ปรารถนาให้ใครมารักผมทุกคน และผมก็ไม่ปรารถนาที่จะไปรักใครทุกคนเช่นเดียวกัน แต่หากจะทำให้คนรักกันได้ ผมก็จะทำ แต่หากทำไม่ได้ ผมก็พยายามใช้ธรรมะคือ “อุเบกขา” ก็เท่านั้นเอง

อย่าหมายว่า จะมาตำหนิผมว่าผมเป็นนักการเมืองพรรคนั้น พรรคนี้ แล้วผมจะไม่เป็นกลาง ผมถอยจากการเมืองไปเยอะแล้ว ผมยังมีจุดเกาะเกี่ยวอยู่นิดเดียวคือผมยังเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์อยู่เท่านั้น ด้วยความผูกพันที่มีต่อพรรค เวลาใครใส่ร้ายพรรคผมก็ออกมาโต้อย่างดุเดือด แต่พรรคประชาธิปัตย์เดี๋ยวนี้ ก็ไม่ค่อยเหมือนพรรคประชาธิปัตย์ที่ผมเดินเข้ามาวันแรกเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2535 อาจจะมีบางคนกระแนะกระแหน ดูแคลนผมว่าเป็น ส.ส.สอบตก ก็ไม่เป็นไร ผมสอบตกจริง ผมเป็น ส.ส.ของคนพัทลุงมา 8 สมัย เมื่อคนพัทลุงไม่เลือกก็จบ ผมเคยเป็นรัฐมนตรีว่าการมา 1 ครั้ง แต่หากคุณเป็น ส.ส. 9 สมัยซึ่งมากกว่าผม และคุณเคยเป็นรัฐมนตรีมามากกว่า 1 สมัย การที่คุณจะดูแคลนผมก็พอจะมีเหตุผลอยู่บ้าง แต่ถ้าหากคุณเป็น ส.ส.น้อยกว่า 8 สมัย และไม่เคยเป็นรัฐมนตรีมาก่อน ก็มิควรมาดูแคลนผม

หากจะสู้กันทางความคิดทางการเมือง เราเสมอกันแล้ว เพราะเราต่างเป็นพลเมืองเต็มขั้นเหมือนกัน ถ้าเป็นนักมวย วันนี้ ผมมาชั่งน้ำหนักให้ดูว่า ผมหนักเท่าไหร่ มีช่วงชกเท่าไหร่ มีประสบการณ์อย่างไร หากจะชกกันเราก็ควรอยู่ในพิกัดใกล้เคียงกัน นักมวยประเภทที่ยกโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดด่าคนอื่นว่า สลิ่มบ้าง ว่าสามกีบบ้าง อย่ามาเกาะข้างเวที ผมไม่เสวนาด้วย สุดท้ายต้องรู้ว่า ผมเป็น “นักเสรีนิยมประชาธิปไตย” ผมไม่ใช่ “นักประชาธิปไตย” เวลาวิจารณ์ผมจะได้ไม่เข้าผิดมุม