วางรากฐาน สร้างมัสยิดกลางภูเก็ต 250 ล้าน หวังเป็นแลนด์มาร์คดึงคนทั่วโลก

ผู้แทนจุฬาราชมนตรี เทปูวางรากฐานการก่อสร้างมัสยิดกลางภูเก็ต มูลค่า 250 ล้านบาท หลังยืดเยื้อมา 9 ปี ระบุ เป็นการตกย้ำสังคมพหุวัฒนธรรมของไทย ที่มีเสรีภาพในการนับถือศาสนา และพระมหากษัตริย์ทรงเป็นองค์อัครศาสนูปถัมภกทุกศาสนา และส่วนราชการตอบสนองส่งเสริม

วันที่ 5 เมษายน ที่บริเวณสนามข้างวิทยาเทคโนโลยีถลาง จ.ภูเก็ต ได้มีพิธีวางรากฐานมัสยิดกลางจังหวัดภูเก็ต มีนายประสาน ศรีเจริญ รองประธานผู้ทรงคุณวุฒิจุฬาราชมนตรี เป็นตัวแทนจุฬาราชมนตรี เป็นประธานในพิธี มีดร.โกมล ดุมลักษณ์ ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานในพิธี มีผู้มีเกียรติ เข้าร่วมจำนวนมาก อาทิ นายปิยพงษ์ ชูวงส์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายปิยเดช เชื้อฉลาด ที่ปรึกษานายกองค์การบริหารจังหวัดภูเก็ต เป็นตัวแทนนายกอบจ.ภูเก็ต น.อ.กนกพล อินทร์พรหม รองผู้บังคับการกองเรือภาคที่ 3 รวมทั้ง ประธานและคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดภาคใต้ตอนบน สมาคมสตรีอันดามัน เป็นตัน และชาวจังหวัดภูเก็ต เข้าร่วมอย่างคับคั่ง

ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อปี 2556 ให้ใช้พื้นที่ของกรมป่าไม้ บริเวณใกล้สนามบินภูเก็ต ก่อสร้างมัสยิดกลางจังหวัดภูเก็ต โดยสนับสนุนงบประมาณ 250 ล้านบาท และองค์การบริหารส่วนจังหวักภูเก็ต อนุมัติงบประมาณ 59 ล้านบาทก่อสร้างสำนักงานคณะกรรมการอิสลามจังหวัดภูเก็ตและศูนย์อบรมจริยธรรม เพื่อเป็นสถานที่ปฏิบัติศาสนกิจของมุสลิมจังหวัดภูเก็ตและมุสลิมทั่วโลก และรองรับการเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ของพี่น้องมุสลิมที่เดินทางไปขึ้นเครื่องบินที่สนามบินจังหวัดภูเก็ต โดยการก่อสร้างมัสยิดกลางจังหวัดภูเก็ต ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2556 มีปัญหาติดขัดบางประการทำให้เกิดความล่าช้า จนปี 2564 จึงได้เริ่มการก่อสร้าง

ร.ต.ต.ดร.โกมล ดุมลักษณ์ ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า มัสยิดกลางจังหวัดภูเก็ต ตั้งอยู่บนพื้นที่ 19 ไร่ที่ได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี เมื่อปี 2556 มีมัสยิดกลาง ใช้งบประมาณ 250 ล้านบาท เป็นงบสำหรับก่อสร้างมัสยิด 150 ล้าน สร้างอาคารบริการ 100 ล้าน และยังมีที่สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดภูเก็ต มีศูนย์อบรมจริยธรรมมูลค่า 59 ล้านบาท ซึ่งได้รับอนุมัติจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ตแล้ว

นายปิยพงษ์ ชูวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า การสร้างมัสยิดกลางจังหวัดภูเก็ต เป็นการสร้างเมืองภูเก็ตอีกอย่างหนึ่ง ที่มัสยิดจะกลายเป็นแลนด์มาร์คของจังหวัดภูเก็ต และเป็นแลนด์มาร์คของโลก เพราะภูเก็ตเป็นเมืองที่คนทั่วโลกมาเยือน จะได้เห็นสิ่งที่สวยงามที่เป็นสัญลักษร์หนึ่งของภูเก็ต

‘ภูเก็ตเป็นเมืองพหุวัฒนธรรมที่มีความหลากหลาย มีการอยู่ร่วมกันของทั้งชาวพุทธ มุสลิม ซิกซ์ และกลุ่มอื่น และมุสลิมก็ถือว่า เป็นคนกลุ่มหลักกลุ่มหนึ่งของภูเก็ต การมีมัสยิดกลางที่จะเป็นศูนย์รวมใจจึงนับว่า เป็นสิ่งที่ดี ซึ่งทุกคนจะต้องร่วมมือร่วมแรงร่วมใจกัน’ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าว

ปิยพงษ์ ชูวงศ์ รองผู้ว่าจังหวัดภูเก็ต

นายประสาน ศรีเจริญ ผู้แทนจุฬาราชมนตรี กล่าวว่า การก่อสร้างมัสยิดกลางจังหวัดภูเก็ต เป็นการตอกย้ำให้ชาวโลกได้เข้าใจว่าประเทศไทย เป็นประเทศที่อยู่ร่วมกันแบบสังคมพหุวัฒนธรรมมานาน คนไทยมีเสรีภาพในการใชีวิต การทำงาน และการนับถือศาสนา ไม่มีการกีดกัน มุสลิม เคยเป็นประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ คือนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา มุสลิมเคยเป็นผู้บัญชาการทหารบก และสามารถเป็นได้ทุกตำแหน่งในประเทศนี้ ไม่มีการกีดกัน เหมือนที่มีบางกลุ่มนำไปใส่ร้ายกับต่างประเทศ การสร้างมัสยิดกลางภูเก็ต จึงเป็นการตอกย้ำให้สังคมโลก ได้รับรู้และเข้าใจ

นายประสาน ศรีเจริญ รองประธานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย ผู้แทนจุฬาราชมนตรี

‘เป็นการตอกย้ำว่า ประเทศไทยให้สิทธิเสรีภาพในการนับถือศาสนาของประชาชน ไม่ได้กีดกันการนับถือศาสนาเหมือนที่บางกลุ่มนำไปกล่าวหาในต่างประเทศ และตั้งแต่โบราณมา พระมหากษัตริย์ไทย เป็นองค์อัครศาสนูปถัมภก อุปการะทุกศาสนา สมัยอยุธยาก็มี กรุงรัตนโกสินทร์ เพิ่งมีการบัญญัติเป็นลายลักษณ์อักษร เมื่อการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 นี่เอง และส่วนราชการทุกส่วนก็ตอบสนองพระมหากษัตริย์ ให้การสนับสนุนส่งเสริมทุกศาสนา การสร้างมัสยิดกลางภูเก็ต ซึ่งคนทั่วโลกเดินทางมาเยือน จะทำให้มีความเข้าใจความเป็นพหุวัฒนธรรมของสังคมไทยได้เป็นอย่างดี ‘ ตัวแทนจุฬาราชมนตรี กล่าวในระหว่างการเปิดพิธี

หลังกล่าวเปิดงาน นายประสาน ได้กล่าวดุอา กลาวซอลาวาตนบี(ซ.ล.) และเทปูนเพื่อวางรากฐานการก่อสร้างมัสยิดกลางจังหวัดภูเก็ตอย่างเป็นทางการ