ฮิญาบ กลายเป็นประเด็นร้อนอีกครั้ง เมื่อโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณ์ นครศรีธรรมราช ไม่อนุญาตให้นักเรียนหญิงมุสลิมสวมฮิญาบ ผู้ปกครอง ผิดหวังลูกสอบได้ทุนแต่เสียโอกาส แตกต่างกับจุฬาภรณ์ราชวิทยาลัย สตูล สวมฮิญาบได้เสรี
เฟซบุ๊ค Solihah Siripatana ได้โพสต์ข้อความระบุว่า เป็นอีกครั้งที่ครอบครัวศิริพัธนะต้องผิดหวังจากการร้องขอสิทธิในการขอให้ลูกสาวได้คลุมฮิญาบในโรงเรียน
ก่อนนี้ได้ลองสอบถามทาง ร.ร.วิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย นครศรีธรรมราช ว่าสามารถใช้เครื่องแบบนักเรียนฮิญาบได้หรือไม่ ทาง รร.บอกว่าสอบเข้ามาให้ได้ก่อน แล้วค่อยมาคุยกัน
แล้ว ลูกเรา อัยน์ ศิริพัธนะ ก็สามารถสอบผ่านรอบสองมาเป็นตัวจริง พอติดต่อ ผอ.บอกว่า ให้ทำหนังสือขออนุญาตมาเขาจะนำเข้าที่ประชุม คุณพ่อของลูก รศ.ดร.ชัยรัตน์ ศิริพัธนะ(ตามแนบ) ได้ทำหนังสือส่งไปถึง ผอ.รร.วิทยาศาสตร์จุฬาภรณ ์พอเมื่อวานเขาตอบมาว่าโรงเรียนไม่อนุญาตให้ใส่ชุดฮิญาบ
ที่จริงวันนี้ลูกสาวเราควรได้ไปรายงานตัวในชุดฮิญาบ แต่เราต้องยอมรับการถูกปฏิเสธอีกครา
ปล.1 น่าสงสารน้องสาวของน้อง อัยน์ ที่สอบผ่านรอบแรกเพื่อเข้า ม.1 เป็นเพื่อนพี่สาว ดญ.ฮานาน ศิริพัธนะ ก็พลอยพลาดโอกาสนี้ไปด้วยอยู่ดีถ้าสอบผ่านรอบสอง
ปล.2 เราคือผู้ที่เรียกร้องสิทธิด้วยวิธีสันติตลอดมา
สำหรับน.ส.อัยน์ ศิริพัธนะ บิดา คือ รศ.ดร.ชัยรัตน์ ศิริพัธนะ เป็นอาจารย์สาขาวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ จ.นครศรีธรรม เป็นผู้ทำหนังสือถึงโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณ์ ระบุว่า น.ส.อัยย์ บุตรสาว ได้บรรลุศาสนภาวะแล้ว ตามหลักศาสนาต้องปกปิดร่างกาย ยกเว้นใบหน้าและฝ่ามือ ดังที่มีตัวอย่างการแต่งการของนักเรียรมุสลิมหญิง โรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณ์ราชวิทยาลัย สตูล จึงขออนุญาตให้บุตรสาวได้ใช้เครื่องแบบคลุมฮิญาบในการเรียนจนจบการศึกษา และพร้อมจะให้น.ส.อัยย์ ปฏิบัติตามระเบียบของโรงเรียนทุกประการ
สำหรับโรงเรียนจุฬาภรณราชวิทยาลัย นครศรีธรรมราช เป็น 1 ใน 12 โรงเรียนที่กรมสามัญศึกษาจัดตั้งขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสที่สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ฯ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ทรงเจริญพระชนมายุครบ 3 รอบ ในวันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2536 ด้วยสำนึกในพระกรุณาธิคุณที่ทรงมีต่องานด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม สนองตามพระราชประสงค์ ที่ทรงมุ่งมั่นส่งเสริมคุณภาพชีวิตในด้านความเป็นอยู่ และการศึกษาของประชาชน โดยเฉพาะในท้องถิ่นห่างไกล โดยให้โอกาสแก่เยาวชนที่มีความสนใจและมีความสามารถด้านนี้ตั้งแต่เยาว์วัย
ปัจจุบ้นมี นายสันติ นาดี เป็นผู้อำนวยการโรงเรียนฯ ซึ่งนายสันติ มีการระบุว่า เป็นมุสลิมด้วย ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า เป็นมุสลิมทำไมไม่เข้าใจหลักการอิสลาม
ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Patcharee Bobthong ระบุว่า ขนาดผอ.เป็นมุสลิมยังไม่ให้น้องคลุมฮีญาบเลบเหรอค่ะ น่าสงสารความคิดท่านจริงๆค่ะ เป็นกำลังใจให้น้องได้ที่เรียนที่เหมาะสมด้วยค่ะ
Patcharee Bobthong ระบุว่า ยิ่งผอ.เป็นมุสลิม แล้วไม่อนุญาต แสดงพื้นฐานทางศาสนาของผอ.ท่านนี้ ต่ำ มากๆ เป็นได้แค่ “แขก” เท่านั้น.
ต่อมา Nurine Siripatana ได้โพสต์ข้อความระบุว่า
จากประเด็นร้อนของมาดามซอ Solihah Siripatana
ที่คนแชร์กันไปเกินพันแล้ว
รีนในฐานะพี่ใหญ่ของครอบครัวศิริพัธนะ ที่โดนกดเรื่องการคลุมฮิญาบมาตั้งแต่ประถม จนถึงพ่อแม่ต้องไปพบผู้บริหารโรงเรียน กาลเวลาที่ผ่านมา น้องสาวคนแล้วคนเล่าก็ยังต้องสู้กันกับเรื่องนี้
ทั้งๆที่ในระดับประเทศและระดับโลก ถือว่านี่เป็นสิทธิ์พื้นฐาน แต่กลับเป็นสิ่งต้องห้ามในโรงเรียนซะงั้น
น้องสาวของเรา เป็นเด็กคุณภาพ มีสิทธิ์เต็มที่ที่จะเลือกสอบเข้าเพื่อรับทุนเต็มจำนวน แต่พอสอบได้ ติดต่อเพื่อขอคลุมฮิญาบ กลับถูกปฏิเสธจากผู้บริหาร แล้วจะให้เราไปยืนยันสิทธิ์ยังไง เพราะถ้าเรายืนยันสิทธิ์แล้วสุดท้ายเรียนไม่ได้ เราอาจโดนปรับจากการทำให้ผู้อื่นเสียสิทธิ์ในทุน ซึ่งค่าปรับนั้นเกือบแสน มันยุติธรรมไหม?
มันน่าเสียดาย ที่เรื่องไม่ฉลาดแบบนี้ยังคงอยู่เป็นขวากหนามของเยาวชนคุณภาพ แทนที่เด็กจะได้รับการต่อยอดเพื่อประเทศชาติ กลับถูกกดให้อยู่ใต้ความกลัวความแตกต่างในด้านศาสนา
ขอต่อด้วยข้อความของ Adil Siripatana น้องชายของรีน พี่ชายคนโตของน้องๆ
.
ตราบใดที่ยังมี discrimination กับครอบครัวผมและเด็กๆมุสลิม
เราก็จะออกมาฟ้องกับสังคมแบบนี้เรื่อยๆ ไม่ว่าจะผ่านไป 20 ปี 40 ปี
และเราไม่แคร์ว่าใครมันจะปากหมากล้าเหยียดว่า “พวกแขกมันดีแต่เรียกร้อง”
เพราะมันไม่จริง น้องสาวของผมทุกคนมีผลการเรียนอยู่ในระดับไม่ฉลาดมากก็ในระดับอัจฉริยภาพ น้องสาวคนถัดจากผมเคยโดน ผอ. โรงเรียนหนึ่งด่าว่า “ไอ้ลูก ดร.” ต่อหน้าผู้ปกครองทั้งหมด ก่อนไล่ออกมาไม่รับเข้าเรียน ทั้งๆที่เขาสอบเข้าโรงเรียนนั้นได้ที่สอง ตอนนี้น้องสาวคนนี้เป็นแม่ลูกสามและเป็นโปรแกรมเมอร์มืออาชีพดีกรีปอโท
ตอนนี้น้องสาวของผมอีกคนก็เพิ่งสอบเข้าเบญจมนครศรีได้ระดับ top 10 เกรดปัจจุบันก็ 4.00
น้องสาวผมอีกคนที่ปัตตานี ก็ได้เข้าร่วมทั้งโครงการ JSTP, NSC, โอลิมปิกคอมและอื่นๆ
น้องสาวผมอีกคนก็สอบเข้าโรงเรียนที่กำลังเป็นประเด็นได้ระดับ top 10 เหมือนกัน หวังรับทุน แต่ดันมาติดลูกเล่นอันแยบยลของผู้ใหญ่ที่เหยียดมุสลิม จนไม่ได้เข้าเรียน
น้องๆของผมที่เหลือใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน สอนกันเองที่บ้านหมดผ่านพ่อที่เป็น รศ.ดร. จบจากมอควีนส์แลนด์ที่ออสเตรเลีย เป็นอาจารย์ระดับสูงของ มวล. มานานมากแล้ว
น้องสาวผมทุกคนคลุมหัว และด้วยความสามารถความขยันของพวกเขา เขาคู่ควรจะได้ทุกทุนที่เขาสอบได้ ไม่มีเหตุผลอะไรนอกจากความมหาชั่วของผู้ใหญ่พวกนี้เท่านั้น ที่แอบเล่นกันเบื้องหลัง เพื่อไม่ให้เด็กมันก้าวหน้า
เลวคือเลว ไม่ต้องมีคำอธิบายอื่น และผมจะขอประกาศให้สังคมรู้ ว่ามันยังมีผู้ใหญ่เลวๆที่แอบตัดโอกาสเด็กแบบนี้อยู่ในสังคม
.
ครอบครัวเราไม่เคยเรียกร้องช่องทางพิเศษเอาเปรียบคนอื่น เราต้องการแค่ fair game ที่ทุกคนมีสิทธิ์แข่งขัน คุณอคติกับมุสลิมใช่มั้ย? ได้! มาแข่งขันเสรีกันสิ บนกติกาที่เป็นธรรม ไม่ใช่สมองเราถึง ความดีงามของเราก็ถึงทุกอย่าง แต่ใช้ข้ออ้างเรื่องเครื่องแต่งกายตัดสิทธิ์เรา อนาคตเด็กดีๆคนหนึ่งไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ดังนั้นเรามีสิทธิ์ที่จะพูดในเรื่องนี้
ค่ะ….ยืนไว้อาลัยสามวิ