“ชาดา” ลั่นนักเลงพอ!! แก้รธน.ไม่ตีสองหน้า เปิดใจเหตุนำ สส.ภท.”วอล์คเอาท์”

“ชาดา ไทยเศรษฐ” เปิดใจหลัง นำ สส.ภท.”วอล์คเอาท์” ลั่น นักเลงพอ คิดอย่างไร ทำอย่างนั้น ใม่มีการตีสองหน้า ให้เสียศักดิ์ศรี ชี้ “ไพบูลย์ นิติตะวัน” เจ้าของญัตติอัปยศ ฉวยอโอกาสชงคว่ำร่าง เพราะมี เสียง สว.และ พปชร.สนับสนุน

วันที่ 23 มี.ค.64 นายชาดา ไทยเศรษฐ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงการแก้ขรัฐธรรมนูญว่า ต้องขอพูดความจริงเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญและความเป็นมาให้สังคมได้รู้ความจริง รู้เบื้องหลังของการเมือง นักการเมือง และความเป็นจริง ถ้ากระทบใครก็ต้องขอโทษด้วยเพราะมันคือความจริง แต่ถ้าว่าไม่ใช่ความจริง คุณกับผมเจอกันที่ไหนก็ได้ คุณไม่ต้องมาพูดหรือลงโซเชียลว่า คนอย่างผมเล่นละคร คุณน่ะก็เคยเล่น คนอย่างผมคิดอย่างไรพูดเช่นนั้น อย่าเอานิสัยตนเองมากล่าวหาผมเลย ถามคนที่รู้จักผมดีกว่าว่า ผมเป็นคนเช่นไร เรี่องแก้รัฐธรรมนูญนั้นหลังจากคนที่เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อไม่มีลำดับของพรรค พลังประชารัฐ(พปชร.) ไม่รู้หน้าที่ตัวเอง ทำหนังสือถามศาลรัฐธรรมนูญศาล ซึ่งได้มีคำวินิจฉัย ออกมาดังที่ทราบกันแล้วนั้น ก่อนจะถึงวันนัดลงมติ ผมทราบดีว่าผลโหวตจะออกมาอัปลักษณ์ในสายตาของประชาชน

ผมอัดอั้นตันใจจึงระเบิดคำพูดออกมาในขณะนั้น ไม่ได้นัดแนะเตรียมการกับผู้ใดทั้งสิ้น ซึ่งจะเห็นได้ว่าแม้แต่ ส.ส.ต่างพรรค ก็ยังเดินตามออกมา ส่วนที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน สส.พปชร.จะให้มีการสอบจริยธรรมผม ต้องถามว่านายไพบูลย์เป็นใคร เรื่องนี้ให้พี่น้องประชาชนติดตามตอนต่อไปดีกว่าว่าใครไม่จริงใจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญกันแน่ ผมน้อมรับคำตำหนิติติงจากพี่น้องประชาชนที่แสดงความคิดเห็นโดยสุจริต แต่ประนามคนที่คิดวางแผนหลอกใช้เพื่อนเพื่อยื้อเวลา รักษาอำนาจตำแหน่งของตนเอง ผมเป็น ส.ส.เขต พร้อมเลือกตั้งทุกเวลาครับ ผมไม่ได้กลัวตามที่ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยมา เพราะคำพิพากษาศาลรัฐธรรมนูญผูกพันทุกองค์กร คณะรัฐมนตรี และหน่วยงานของรัฐ แต่ไม่ได้ผูกพันสมาชิกรัฐสภา ซึ่งเป็นปัจเจกบุคคลเช่นผม ใครจริงใจใครตระบัตสัตย์ ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินเองเมื่อถึงเวลาครับ

ผมขอเล่าเหตุการณ์ให้ทราบอีกนิดนะครับ ตามความเห็นผมนั้น เห็นว่าเราไม่ควรลงมติในวาระสาม แต่ควรไปเร่งพิจารณาออกกฎหมายประชามติให้เสร็จสิ้น ถ้าประชาชนเห็นด้วยในการทำประชามติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็กลับมาลงมติวาระสาม เพราะเป็นศักดิ์ศรีและสิทธิ์ของคุณ ประชุมกันมาปีกว่าเสียทั้งเงินและทรัพยากรไปมากมาย และที่สำคัญทุกคนได้ลงมติผ่านมาแล้ว2วาระ เมื่อมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญออกมาก็ยังถือว่าไม่ขัดแย้งและสภาฯมีศักดิ์ศรี จนกระทั้งวันที่ลงมติวาระ3 ก่อนเข้าระเบียบวาระ นายชวน หลีกภัย ท่านประธานรัฐสภา ให้ปรึกษาหารือ คุณสมชาย แสวงการเสนอญัตติว่า ไม่ให้ลงมติในวาระ3โดยมี ส.ว. และ สส.พปชร. สนับสนุน ส่วนญัตติของ พรรค ปชป.โดยคุณจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ เสนอให้ไปถามศาลให้ชัดเจน ญัตติของคุณชลน่าน ศรีแก้ว และคุณโรม บุญนาค เสนอให้ลงมติเลย คุยกันมา 8-9 ชม. ผมถามทางพรรคก้าวไกลว่า ลงมติไปก็แพ้จะลงทำไม พรรคก้าวไกล (กก.) ตอบว่าเพื่อให้ประชาชนจะได้รู้ ทางพรรคเพื่อไทย(พท.) ก็เช่นกัน ผมเห็นด้วยกับญัตติของปชป. ซึ่งเป็นสายกลาง ซื้อเวลาไปก่อน เนื่องจากตกลงกันไม่ได้ จนคุณวิรัช ไปคุยกับพรรคฝ่ายค้านว่าให้ลงมติ ประธานฯทราบแค่ว่าจะให้ลงมติ3ญัตติตามที่เสนอมาเท่านั้น

ต่อมา เมื่อ คุณไพบูลย์ เสนอญัตติซ้อนญัตติทำ 3ญัตตินั้นตกไป และมีการลงมติ ตามญัตติที่คุณไพบูลย์เสนอ โดยการสนับสนุน ของพปชร. ส.ว. และพรรคฝ่ายค้าน จึงทำให้คะแนนเสียงของญัตติ ของคุณไพบูลย์ชนะจึงมีการลงมติในวาระที่3 เกิดขึ้น พปชร.และส.ว.บางส่วนไม่ลงมติ เพื่อไทย ปชป.บางส่วน และฝ่ายค้านบางส่วนเห็นด้วยตามที่คะแนนออกมา ผมถือว่าทุกคนที่เสนอให้ลงมติในวาระ3 ไม่มีความจริงใจ ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฝ่ายค้านรู้ว่าแพ้ก็ยังให้ลงเพื่อจะเอาเป็นข้ออ้างกับประชาชนว่าพวกฝ่ายรัฐบาลไม่จริงใจ หากคุณทำเพื่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญจริง เพื่อแก้ปัญหาบ้านเมืองจริง คุณต้องไม่ทำเรื่องนี้ ให้เป็นประเด็นการเมืองเท่านั้น พปชร.และ ส.ว.บางส่วนก็งดออกเสียงเพื่อล้มรัฐธรรมนูญ ทั้งที่วาระหนึ่ง วาระสองเห็นชอบ

เพราะช่วงนั้นกระแสม๊อบเด็กกำลังแรง ช่วงนี้คุณรู้ว่าม๊อบอ่อนแรงก็เลยถือโอกาสล้มรัฐธรรมนูญ “สรุปแล้วต่างคนต่างรู้กันทั้งสองฝ่าย แล้วจะให้ผมร่วมสังฆกรรมด้วยได้อย่างไร วันนั้นทุกฝ่ายเล่นเกมการเมืองกัน คนอย่างผมนักเลงครับ ไม่พูดอย่างทำอย่าง ผมยังถูกคนในพรรคว่าไม่บอกล่วงหน้าเลยพรรคภูมิใจไทย ไม่การตีนโยบายสองหน้า ความจริงจะค่อยๆออกมาให้เห็น กรณีคุณไพบูลย์ ก็เรื่องของคุณไพบูลย์ ผมไม่ยุ่งกับคนแก่เพราะอยู่นาน สำหรับนักการเมืองที่เปลี่ยนชื่อที่พ่อแม่ตั้งมาเ พื่อจะอยากเป็นใหญ่ ไม่มีราคาสำหรับผมครับ การวิพากษ์วิจารณ์ของพี่น้องประชาชนผมยอมรับครับแต่ความจริงคือความจริง ผมถือว่าคนที่ ลงมติเห็นด้วยของคุณไพบูลย์ คือผู้ที่มีส่วนสำคัญในการคว่ำการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นี่คือความจริงที่เกิดขึ้นรวมกันเพื่อให้มีการลงมติ แต่เวลาลงว่ารับหรือไม่รับแยกกันลง เห็นด้วยบ้าง ไม่เห็นด้วยบ้าง งดออกเสียงบ้างอยู่ในที่ประชุมไม่แสดงตนบ้าง มันคืออะไรฝ่ายค้านบางพรรคปากบอกแก้ๆ แต่ไม่อยากแก้ เพราะคุณมาได้ก็เพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้ อย่ามาปากอย่าง ใจอย่าง ปากดีตีสองหน้าอย่าคิดว่าคนอื่นโง่ ผมชัดเจนคิดอย่างไรผมพูดอย่างนั้นผิดถูกอะไรเป็นอีกเรื่องครับ” นายชาดา กล่าว