ศาลฎีกา จ.กระบึ่ พิพากษายืน ประหารชีวิต”บังฟัต” พร้อมพวกรวม7 คน ส่วนจำเลยที่8 สั่งคุก 12 เดือน พร้อมปิดฉากคดีสะเทือนขวัญที่ผ่านมากว่า 3ปี 6 เดือน
วันที่ 18 มี.ค.64 ศาลกระบี่นัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา นายซูริก์ฟัต บ้านนพวงศ์สกุล หรือ บังฟัต พร้อมพวกรวม 8 คน คดีฆ่าโหดนายวรยุทธ สันหลัง หรือ ผู้ใหญ่บัติ เสียชีวิตพร้อมสมาชิกในครอบครัว 8 ราย เหตุเกิดวันที่ 10 ก.ค. 2560 โดยศาลฯ อ่านคำพิพากษาผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ถ่ายทอดไปยังศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยมีครอบครัวของผู้ใหญ่บัติเดินทางมาฟังคำพิพากษาที่ศาลจังหวัดกระบี่
ก่อนหน้านี้ ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ให้ประหารชีวิต “บังฟัต” พร้อมพวกอีก 6 คน หลังลงมือก่อเหตุวางแผนและฆ่านายวรยุทธ สังหลัง หรือ ผู้ใหญ่บัติ อดีตผู้ใหญ่บ้านกลาง อำเภออ่าวลึก จ.กระบี่ เสียชีวิตพร้อมสมาชิกในครอบครัว ภายในบ้านพัก 8 ราย เหตุเกิดเมื่อปี 60
ส่วนจำเลยที่เหลืออีก 1 คนคือ จำเลยคนที่ 8 ถือว่าได้รับโทษเบาที่สุด โดยศาลฎีกาตัดสินยืนตามศาลอุทธรณ์จำคุก 12 เดือนเช่นเดิม เนื่องจากเห็นว่าไม่ได้มีส่วนร่วมและรู้เห็นในการฆ่า ซึ่งปัจจุบันจำเลยที่ 8 ได้รับโทษครบตามจำนวนและพ้นโทษไปแล้ว ถือเป็นอันปิดฉากคดีสะเทือนขวัญครั้งใหญ่ นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์กระทั่งถึงวันนี้เป็นเวลา 3 ปีกับอีก 8 เดือน
โดยการอ่านคำพิพากษาของศาลฎีกาวันนี้ ใช้วิธีการอ่านคำพิพากษาผ่าน Video Conference จากศาลจังหวัดกระบี่ไปยังเรือนจำกลางจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยมีครอบครัวของนายวรยุทธ สังหลัง หรือผู้ใหญ่บัติ อดีตผู้ใหญ่บ้านกลาง อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ ที่เสียชีวิตพร้อมสมาชิกในครอบครัว 8 ราย เดินทางมาฟังคำพิพากษาที่ศาลจังหวัดกระบี่ด้วย
คดีนี้มีจำเลยทั้งหมด 8 คน ประกอบด้วย นายซูริก์ฟัต บ้านนบวงศ์สกุล หรือบังฟัต นายคมสรรค์ เวียงนนท์ นายอับดุลเลาะ ดอเลาะ นายอรุณ ทองคำ นายประจักษ์ บุญทอย นายธนชัย จำนอง นายธวัฒชัย บุญคง และจำเลยที่ 8 นางชลิดา สังข์โชติ
โดยศาลฎีกาอ่านคำพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ลงโทษประหารชีวิต บังฟัต พร้อมกับจำเลยที่ 2 ถึง 7 เนื่องจากศาลให้ความเห็นว่าการกระทำของจำเลยทั้ง 7 เป็นการกระทำที่อุกอาจ ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมือง และเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่บุคคลอื่น และให้จำเลยทั้ง 7 จ่ายชดใช้ค่าเสียหายให้กับญาติผู้เสียชีวิตทุกคนด้วย ตั้งแต่วงเงิน 4 แสนบาทไปจนถึง 2 ล้านบาท ส่วนจำเลยที่ 8 นางชลิดา ยืนโทษจำคุก 12 เดือนเช่นเดิม เนื่องจากศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วเห็นว่าไม่ได้มีส่วนรู้เห็นในการลงมือฆ่า