“ไผ่ ดาวดิน” ปราศรัยเดือด ประกาศลั่น ย้ำปล่อยเพื่อนเราคือความถูกต้อง ไม่ใช่ถูกใจ ท้าอำนาจรัฐ ล้านคนหรือคนเดียวก็จะสู้ ยืนกราน ต้องแก้รธน. ยกเลิก ม.112 และ ประยุทธ์ ต้องสาออก จากตำแหน่งนายกฯ
วันที่ 7 มี.ค.64 เครือข่ายกลุ่มราษฎร นำโดย นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน ทำกิจกรรม “เดินทะลุฟ้า” เป็นวันสุดท้าย หลังเดินมา 17 วัน ระยะทาง 247.5 กิโลเมตร โดยช่วงเช้าที่ผ่านมา ทางกลุ่มได้เริ่มเดินจากแยกเกษตร เคลื่อนขบวนมาถึงจุดสิ้นสุดที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนินกลาง ในช่วงเย็น มีการตั้งเวทีและผลัดขึ้นปราศรัยในประเด็นต่างๆ ประกาศข้อเรียกร้องทั้ง 4 ข้อ
1.แก้ไขรัฐธรรมนูญ 2.ปล่อยเพื่อนเรา 3.ยกเลิกมาตรา 112 และ 4.นายกรัฐมนตรีลาออก
บรรยากาศบนเวทีเมื่อเวลาประมาณ 20.09 น. นายจตุภัทร์ตะโกนข้อเรียกร้อง ก่อนกล่าวว่า เวลาที่มีคนสู้เยอะ มันดีมาก ทุกคนมีความหวัง ตนสู้บนเส้นทางนี้มา 10 ปี แต่ตนไม่เคยท้อ ต่อให้จะมีคนมาชูสามนิ้วกี่คนก้ตาม
นายจตุภัทร์กล่าวว่า ใครสู้มาตั้งแต่เสื้อแดงปี 53 ยกมือขึ้น ใครสู้มาตั้งแต่ปี 57 ยกมือขึ้น การที่ออกมายืนหยัดทำให้เราต่อสู้ ไม่เกี่ยวกับจำนวนคน แต่เกี่ยวที่พลังใจ เวลาร้อน เวลาลำบาก ไม่มีใครอยากสู้ต่อ แต่สิ่งนี้กลับทำให้ทุกคนมาอยู่จุดนี้ รัฐบาลเผด็จการดีแต่กดหัวเรา ไม่เคยจัดสวัสดิการให้ จึงเป็นเรื่องของคนที่ถูกกดขี่มาโดยตลอด จึงต้องออกมาต่อสู้
“วันนี้ใครบอกว่าไอโอทำงานหนักแล้ว แต่อยากบอกว่าตั้งแต่ปี 2557 ที่พวกผมถูกด่า ตอนนั้นมีแค่ 5 คนที่ชูสามนิ้ว แต่ตอนนี้มีคนออกมาสู้มากกว่า มีคนออกมาอ่านหนังสือแล้วโดนจับ เพราะคนจำนวนน้อยไม่สู้ แต่ตราบใดที่มีคนสู้ ต่อให้มากน้อยเราก็จะสู้….“หลังจากรัฐประหาร ผมได้ไปบวช เพราะรู้สึกท้อกับการต่อสู้ ตอนนั้นได้เดินบิณฑบาต ทำให้ได้พิสูจน์หัวใจว่าขาที่เจ็บทำไมเดินต่อได้ ที่เดินต่อได้เพราะหัวใจล้วนๆ” นายจตุภัทร์กล่าว
ไผ่ ดาวดิน กล่าวอีกว่า หลังสึกออกมาถูกจับในมาตรา 112 สังคมในตอนนั้นต่างจากตอนนี้ที่ไม่มีใครออกมาเรียกร้องเช่นนี้ ทั้งนี้ ที่ตนถูกจับในมาตรา 112 เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ เพราะตนออกมาต่อต้าน แต่สุดท้ายเขาก็ใช้กฎหมาย 112 ในการขังตน มาตรา 112 จึงไม่ใช่กฎหมาย แต่เป็นเครื่องมือ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เราออกมาเพราะแกนนำ กปปส.ได้รับประกันตัวได้ แต่ทำไมเพื่อนเราประกันตัวไม่ได้ ที่เราออกมาเพราะอยากได้บรรทัดฐาน ซึ่งเพื่อนของเราโดนจับตั้งแต่ยังไม่พิจารณาคดี ทำไมอีกกลุ่มทำได้ อีกกลุ่มทำไม่ได้ ต่อให้ตนจะไม่รู้จักผู้ถูกจับทั้ง 4 คน ตนก็จะออกมา
“ตอนนี้พี่น้องชาวบางกลอยถูกปล่อยตัวแล้ว แต่ก็ถูกห้ามไม่ให้กลับขึ้นไปบนที่ดินทำกิน ทั้งที่เรื่องนี้ต้องพิสูจน์ว่าพี่น้องชาวบางกลอยกับกฎหมายใครอยู่มาก่อนกัน ความคิดที่ว่าเราจะโดนจับหรือไม่โดนจับ แต่เมื่อความไม่ยุติธรรมเกิดขึ้นเราก็จะออกมาใช่หรือไม่ เราต้องยืนหยัดความเป็นมนุษย์ เห็นใจกันแบบนี้ต่อไป เพราะรัฐไม่เคยเห็นเราเป็นมนุษย์ ไม่ว่าความไม่เป็นธรรมเกิดขึ้น เราจะมายืนหยัดในความคิดเช่นนี้ ต่อให้จะมีใครขังเพื่อนเราอีก พวกเราก็จะออกมาอีกใช่หรือไม่
“เมื่อ 4 คนโดนจับ มีใครเสียใจบ้าง ใครเสียใจบ้างที่พี่น้องชาวบางกลอยถูกจับ เราเป็นคนที่มีหัวใจ การปล่อยเพื่อนเราไม่ใช่ความถูกใจ แต่มันคือความถูกต้อง และการที่เราออกมาไล่ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ใช่ความถูกใจ แต่มันเป็นความถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนก็จะไม่ให้เราแก้รัฐธรรมนูญ เมื่อเรามีหัวใจ เราก็ต้องออกมายืนหยัดว่าเราไม่เห็นด้วยกับมาตรา 112” ไผ่ ดาวดิน กล่าว และว่า สิทธิเสรีภาพไม่ได้ได้มาด้วยการร้องขอ แต่ได้มาจากการต่อสู้ วันนี้ขอให้ออกมายืนยันว่าเราทุกคนเท่ากัน ออกมายืนยันว่าเราคือมนุษย์ ตราบใดที่มีคน จะมีการต่อสู้ จะไม่ยอมแพ้ถ้าเราไม่ยอม ซึ่งตนจะไม่ยอม และเพื่อนของเราอีก 4 คนก็จะไม่ยอมแพ้เหมือนกัน ต่อให้จะมีคนกี่คน หมื่นคน ล้านคนหรือคนเดียวก็จะสู้