เปิดใจ “กำนันสุเทพ” เคลียร์ปมร้อน โต้ลั่น ไม่ใช่ “เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล”

202

“สุเทพ เทือกสุบรรณ” เปิดใจ หลังได้รับประกันตัว เผย ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ก็จะเคลื่อนไหวอย่างเดิมอีก ชี้ยอมไม่ได้ที่จะให้ มีการออกกฏหมายนิรโทษกรรม แต่ยอมรับ เห็จใจ “รตม.-สส.” ที่ต้องพ้้นตำแหน่ง ยันเรื่องนี้ไม่ใช้ “เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล” อย่างที่หลายฝ่ายเข้าใจ

2 มี.ค.64 นายสุเทพ เทือกสุบรรณ หรือ “ลุงกำนัน” อดีตเลขาธิการกปปส. เปิดใจถึงเส้นทางการสู้คดีกปปส. หลังจากศาลอาญาตัดสินลงโทษจำคุกห้าปี และได้รับการประกันตัวเมื่อวันที่ 26 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยบอกว่า สิ่งที่ตกใจและเสียใจก็คือ อนาคตของพี่ๆน้องๆ แนวร่วมแกนนำกปปส. ที่ออกมาร่วมต่อสู้ด้วยกันในช่วงปี 2556-2557 ที่บางคนโดนศาลตัดสินว่ามีความผิดต้องโทษจำคุก ถูกตัดสิทธิ์การเลือกตั้ง จนบางคนต้องเสียอนาคตทางการเมือง แต่ยืนยันได้ว่า หากย้อนเวลากลับไปได้ แล้วสถานการณ์บ้านเมืองเป็นอย่างในช่วงปี 2556-2557 โดยเฉพาะมีความพยายามจะออกกฎหมายนิรโทษกรรมล้างผิด ก็จะออกมาเคลื่อนไหวแบบเดิมแน่นอน โดยผลคำตัดสินของศาลที่ออกมา ไม่ได้เสียใจในเรื่องที่ทำและสิ่งที่ต่อสู้ รวมถึงย้ำว่าผลคำตัดสินที่ออกมาไม่ใช่เรื่องเสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล อย่างที่บางฝ่ายวิเคราะห์วิจารณ์

พวกผมที่เป็นอดีตแกนนำกปปส.ก็ถูกตั้งข้อหาว่าเป็นกบฏ เป็นอั้งยี่ ซ่องโจร ถูกตั้งข้อหาว่า ทำผิดกฎหมายการบริหารราชการแผ่นดินในสถานการณ์ฉุกเฉิน -บุกรุกสถานที่ราชการ ขัดขวางการเลือกตั้งและข้อหาอื่นๆ พวกผมก็ก้มหน้าก้มตารวบรวมพยานหลักฐานเตรียมตัวสู้คดี โดยคิดว่าเราก็มีพยานหลักฐานที่จะนำไปสู้คดีได้มาก ตอนแรกผมก็มีผู้ใหญ่ที่อาสามาเป็นทนายความว่าความให้ แต่ต่อมาเมื่อไปสู้คดีจริงๆ ผู้ใหญ่ท่านนั้น ก็เกิดเป็นมะเร็งต้องให้คีโม ผู้ใหญ่ท่านนั้นก็ว่าความให้ไม่ได้ ผมก็เลยต้องว่าความเอง ก็มีการเตรียมซักซ้อมการสู้คดีไว้อย่างดีมีการเตรียมการไว้เป็นปีๆ เมื่อท่านว่าความให้ไม่ได้ ก็ไม่มีใครจำเหตุการณ์ได้หมด ผมก็เลยว่าความเองเพราะผมจำเรื่องทั้งหมดได้

ทางจำเลยในคดีดังกล่าว สู้คดีกปปส.มาร่วมหนึ่งปีครึ่ง ค่อนข้างจะมั่นใจว่าเราคงสู้ได้ แต่เมื่อมีคำพิพากษาของศาลอาญาออกมาแบบนี้ เราก็รู้สึกตกใจเหมือนกัน แปลกใจ แต่ก็เคารพในกระบวนการยุติธรรม เราไม่ได้โวยวายอะไร ก้มหน้าก้มตารับคำพิพากษาและคิดว่าเราควรจะได้รับการประกันตัวมาสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ต่อไป แต่พอไม่ได้รับอนุญาตให้ประกันตัวตอนแรก ตกใจเหมือนกัน เพราะว่าคดีอื่นๆ เช่นคดีของ นายวัฒนา เมืองสุข อดีตรมว.พัฒนาสังคมฯ ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองถูกศาลตัดสินจำคุก 50 ปี ยังได้รับอนุญาตให้ประกันตัว เราถูกพิพากษาคดีต่างๆ รวมกระทงกันแล้ว ก็ถูกตัดสินจำคุกกันเช่น ห้าปี เจ็ดปี นายชุมพล จุลใส หนักหน่อย 9 ปี 24 เดือน เราก็ตกใจ แต่ยังไงก็ตาม คิดว่า จะแก้คดีในชั้นอุทธรณ์

“ตอนที่ศาลมีคำตัดสินเมื่อ 24 ก.พ. ผมก็สงสารน้องๆ ผมนำเขาออกมาต่อสู้เพื่อชาติเพื่อแผ่นดิน พอผลออกมาต้องถูกจำคุกกันตั้ง 27 คน แม้บางคนศาลจะให้รอลงอาญาแต่ส่วนใหญ่ก็ลงโทษโดยไม่รอลงอาญา ก็ตกใจและเสียใจกับน้องๆ เพราะเขาก็เสียอนาคตทางการเมืองไปเลย”

อดีตแกนนำสามคนก็ต้องหลุดจากตำแหน่งรัฐมนตรี และมีอีก 2-3 คน ก็หลุดจากการเป็นส.ส.เช่น นายชุมพล จุลใส อดีตส.ส.ชุมพร นาย อิสระ สมชัย อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ผมในฐานะเป็นผู้นำพาพี่ๆน้องๆ มาต่อสู้ ก็เสียใจเป็นธรรมดา แต่ก็เจียมเนื้อเจียมตัว เราก็สงบเสงี่ยมมาตลอด จะเห็นได้หลังจากเลิกชุมนุม ผมก็เก็บตัวเงียบ เตรียมตัวสู้คดีไม่ได้ไปวุ่นวายอะไร หลังจากนี้ก็ต้องทำงานต่อไปเพื่อแก้คดี ตอนนี้ก็ยังไม่รู้อนาคตต่อไปจะเป็นอย่างไร

“ต้องยอมรับจริงๆ ว่า เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ไม่สามารถคาดเดาอนาคตตัวเองได้ ซึ่งตัวผมเอง ก็ไม่ค่อยกังวลเท่าไหรเพราะตอนนี้ก็อายุ 72 ปีแล้ว และไม่คิดทำงานการเมืองต่อ แต่เสียดายน้องๆ หลายคนที่ยังมีพลัง มีความรู้ความสามารถที่จะทำงานการเมืองต่อไปได้ ก็ทำไม่ได้แล้วเพราะหลายคนโดนตัดสิทธิ์การเมืองไปด้วย

เมื่อถามถึงความมั่นใจในการสู้คดีในชั้นอุทธรณ์และฎีกา นายสุเทพ กล่าวตอบว่า พวกผมเคารพในกระบวนการยุติธรรม ไม่เคยตีโพยตีพาย ไม่เคยตำหนิกระบวนการยุติธรรมแม้จะเห็นว่าคำพิพากษาจะค่อนข้างรุนแรงสำหรับเรา อย่างคดีของอดีตแกนนำนปช.ตอนก่อเหตุช่วงปี 2552-2553 ก็ถูกดำเนินคดีแต่ว่าศาลก็พิพากษายกฟ้องนปช.ไปหมด

เราไม่ได้ฆ่าคนตาย เราไม่ได้เผาบ้านเผาเมือง เราไม่ได้ไปทำลายทรัพย์สินของเอกชน -ราชการ ก็ไม่คิดว่าเราจะต้องโดนโทษหนักขนาดนี้แต่ว่า ก็ไม่เป็นไร เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม เรามีหน้าที่ในการหาหลักฐานมาพิสูจน์ตัวเอง เราไม่ได้เสียใจในเรื่องที่เราทำ เรื่องที่เราต่อสู้เพราะว่า เราทำด้วยความบริสุทธิ์ใจแล้วก็ไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ของตัวเองหรือพรรคการเมือง

ได้ฟังสิ่งที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรฯ ออกมาพูดถึงผลคำตัดสินในคดีกปปส.เมื่อไม่กี่วันมานี้หรือไม่?

ผมก็ไม่ค่อยได้ดู แต่เมื่อไม่กี่วันมานี้ ก็มีคนมาเล่าให้ฟังว่า คุณสนธิ พูดยังไง แต่ผมไม่ได้ฟังเอง

มีการพูดเรื่องนี้เป็นลักษณะเหมือนเสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล?

ผมคิดว่ามันคนละส่วนกัน พวกผมอดีตกปปส.ไม่ได้รับใช้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เราทำเพื่อประเทศชาติ เราทำเพื่อส่วนรวม ไม่ได้ทำเพื่อพลเอกประยุทธ์ แล้วผมก็ไม่คิดว่าพลเอกประยุทธ์จะสามารถไปก้าวล่วงถึงกระบวนการยุติธรรมได้

ผมคิดว่า ที่มีคำพิพากษาของศาล ไม่ใช่ว่าพลเอกประยุทธ์ สั่งให้ฆ่าเรา เอาเราเข้าคุกเสีย ผมไม่เชื่อจะเป็นแบบนั้น และศาลท่านก็มีความเป็นอิสระ เพราะเป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม เอาไปรวมกันไม่ได้ และว่ากันไปตามจริง พลเอกประยุทธ์ ก็ไม่ได้มีเหตุผลอะไรที่จะมาฆ่าพวกผม หรือจับพวกผมไปขังคุกเสีย เพราะก็ไม่ได้โกรธแค้นอะไรกัน ผมไม่คิดว่าจะเป็นอย่างนั้น

แต่ดูเหมือนว่าพอ 3 ป.เข้ามาเล่นการเมือง ก็ถูกมองว่า เลยผลักแกนนำกลุ่มต่างๆ ทั้งเสื้อเหลือง เสื้อแดง กปปส. ให้ไปติดคุกให้หมด ?

มันไม่ใช่อย่างนั้น คนที่ไปชุมนุมไปเดินขบวน ไม่ว่าจะเป็นเสื้อเหลือง เสื้อแดงหรือนกหวีดอย่างพวกผม เขาก็รู้อยู่แล้วว่าสิ่งที่ทำไป ยังไง ก็ต้องถูกดำเนินคดี แล้วก็ไปสู้คดีกันในชั้นศาล พวกเสื้อแดงว่าไปแล้ว ติดคุกกันไม่กี่คน ถ้าเทียบกับพวกผม พวกผมติดมากกว่า คดีใหญ่ๆของพวกเขา ศาลก็พิพากษายกฟ้องหมด

แต่พอผลคำตัดสินออกมา คนก็ยังรู้สึกไปว่า ม็อบกปปส.มีเส้น พอแกนนำกปปส. แปดคนได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว คนก็ไปวิจารณ์ว่าเห็นไหมได้ประกันตัว?

ถ้ามีเส้น แล้วผมจะไปติดคุกได้ยังไง ไม่สนุกนะ ไปนอนในเรือนจำ มันไม่ใช่อย่างนั้น ผมก็คิดว่าศาลก็มีดุลยพินิจของศาล คือพูดจริงๆ อันนี้ไม่ได้แก้ตัว แต่ว่าพวกผมก่อนศาลจะอ่านคำตัดสินคดี พวกกปปส. ก็สงบเสงี่ยม ตั้งแต่เลิกชุมนุมปี 2557 ก็ไม่เคยไปแสดงพลังหรือไปกดดันอะไร ก็ก้มหน้าก้มตาสู้คดี พอศาลตัดสินออกมาแล้วก็ไม่ออกมาโวยวาย ทำนองว่าศาลสองมาตรฐานพวกผมไม่เคยไปพูดอะไร