“สมศักดิ์” ลงพื้นที่!! รับฟังความเห็นชาวเมืองสุราษฎร์ ทำกม.”ปลดล็อก”กระท่อม

65

รมว.ยุติธรรม ลงพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี รับฟังความเห็นชาวบ้าน-ผู้นำชุมชนกว่า 500 คน “ปลดล็อกกระท่อม” เตรียมนำข้อเสนอเร่งส่งกฤษฎีกา เพื่อทำกฎหมายรองให้เป็นของประชาชนอย่างแท้จริง หวั่นทำเสร็จไม่ทันเวลาเกิดสูญญากาศไร้การควบคุม

วันที่ 26 ก.พ.64 ที่โรงแรมไดมอนด์ พลาซ่า อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม เป็นประธานเปิดการประชุมพร้อมมอบนโนยบายปลดล็อคพืชกระท่อม โดยมี นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. นายวิชวุทย์ จินโต ผวจ.สุราษฎร์ธานี พล.ต.อ.ชัยวัฒน์ นิตยวิมล ผู้บังคับการกฎหมายและคดี ตำรวจภูธรภาค 9 พ.ต.อ.เชาวลิต เลี้ยงสุพงศ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฏร์ธานี ร่วมงาน และมีผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย ผู้นำชุมชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน จากพื้นที่นำร่อง 135 หมู่บ้าน/ชุมชน สถาบันการศึกษา นักวิชาการ และหน่วยงานที่สนใจ เข้าร่วมประชุมกว่า 500 คน

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมา ส.ส.และอดีต ส.ส.ของพวกท่าน พยายามมาตลอดในการปลดล็อกพืชกระท่อม มีการตั้ง กมธ.ศึกษาตลอดกว่า 40 ปี แต่ก็ยังไม่จบ ตั้งแต่ตนเริ่มรับตำแหน่ง รมว.ยุติธรรม จึงได้เริ่มการร่าง พ.ร.บ.ปลดล็อกพืชกระท่อม และรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน ตนได้ลงพื้นที่หลายพื้นที่ได้เห็นวิถีชีวิตจึงคิดว่าเรามาถูกทางแล้ว เมื่อตั้งใจแล้วเราก็ต้องเร่งทำให้จบ เวลาทำงานการเมืองแล้วบางครั้งนอนไม่หลับ เพราะต้องวางแผนงาน ตนเป็นคนเปิดกว้างรับฟังความเห็นจากทุกคน และพี่น้องชาวสุราษฎร์ธานีเป็นอาจารย์ให้ตนเรื่องกระท่อม ขณะนี้วุฒิสภาลงมติเห็นชอบ ร่าง พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่…) พ.ศ. … ในวาระที่ 3 แล้ว เมื่อวันที่ 23 ก.พ.64 ขั้นตอนจากนี้ประธานวุฒิสภาจะส่งร่างให้ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อส่งให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) นำขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อโปรดเกล้าฯ ประกาศใช้เป็นกฎหมาย ซึ่งเมื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว กฎหมายจะมีผลบังคับใช้หลังจากนั้น 90 วัน เมื่อกฎหมายมีผลบังคับใช้แล้ว ประชาชนจะสามารถใช้เคี้ยวได้ตามวิถีชาวบ้านโดยไม่เป็นความผิด ซึ่งตรงนี้ต้องเร่งทำกฎหมายรองต่อไปให้เสร็จ โดยในส่วนของกฎหมายรองนั้น จะมีบทบัญญัติต่างๆ เช่น เรื่องการปลูก การใช้ และวิธีการต่างๆ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชน โดยเฉพาะพี่น้องชาวใต้ ที่ต้องการจะใช้พืชกระท่อมตามวิถีชาวบ้าน หรือแม้แต่การนำไปพัฒนาเชิงพาณิชย์ หรืออุตสาหกรรมเพื่อสร้างรายได้ ซึ่งก็จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ถ้าเราไม่ตามอย่างกระชั้นชิด เพราะอายุของสภาผู้แทนราษฎรไม่แน่นอน ตนรู้ว่าถ้าเราไม่เร่งความตั้งใจของเราจะเป็นหมัน ซึ่งเมื่อปลดล็อกแล้วต้องมีกฎหมายรองตามมา หากกฎหมายรองไม่เสร็จทัน 90 วัน หลัง พ.ร.บ.ปลดล็อกพืชกระท่อมประกาศใช้จะเปิดเสรีไม่มีอะไรควบคุม โดยกฎหมายรองวันนี้เริ่มตั้งแต่ เดือน ก.ค.63 วันนี้ผ่าน ครม.แล้ว อยู่ในขั้นคณะกรรมการกฤษฎีกา สัปดาห์ที่แล้วตนขอเข้าไปชี้แจง คณะกรรมการกฤษฎีกา ว่า ตนต้องการให้ชาวบ้านปลูกโดยไม่ต้องขออนุญาต เพียงแค่จดแจ้งฝ่ายปกครอง ส่วนจะปลูกเท่าไรดีวันนี้ตนมาหาคำตอบ ว่า ปลูกเท่าไรถึงจะพอดี ตนอยากมาฟังความเห็น ฟังข้อมูล เพราะพวกท่านมีข้อมูลมีประสบการณ์ ปริมาณเท่าไรจึงจะพอดี ส่วนการปลูกเพื่ออุตสาหกรรมจะเป็นอีกส่วนหนึ่ง กฎหมายรองตนไปชี้แจงบอกว่า ถ้าส่งออกถึงควรขออนุญาต วันนี้ราคาพืชกระท่อมที่ซื้อขายกันกิโลกรัมละประมาณ 500 บาท หากทำเป็นผงส่งออกต่างประเทศกิโลกรัมละประมาณ 4,000-5,000 บาท ตรงนี้มาคิดดูหากเราปลูกกันมากทั้งประเทศราคาจะตก เราต้องดูความต้องการของตลาดด้วย

“กฎหมายรองที่จะตามมายังติดอยู่ที่คณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งในคณะกรรมการมี 10 กว่าคน ท่านที่เป็นประธานเป็นอดีตประธานศาล ท่านไม่มีปัญหาอะไร แต่มีกรรมการคนหนึ่งค้านตลอด ตนคิดว่าการออกกฎหมายเราต้องฟังความเห็นจากประชาชน และผู้ที่เชี่ยวชาญในเรื่องนั้น แต่คนที่ไม่รู้เรื่องกลับอยากที่จะนำ ดังนั้นเราต้องสู้ ที่เราตั้งใจคืออยากให้ปลูกเพื่อบริโภค 3 ต้นไม่ต้องขอนุญาต แต่หากจะปลูกเพื่อการพาณิชย์และอุตสาหกรรมต้องขออนุญาต วันนี้ผมจึงมารับฟังความเห็นจากพี่น้องประชาชน เพื่อส่งความคิดเห็นเหล่านี้ไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อเร่งทำกฎหมายรองให้จบ เพราะหากครบกำหนดแล้วไม่มีกฎหมายรอง ทุกอย่างจะเป็นสูญญากาศ ไม่มีอะไรควบคุม” นายสมศักดิ์ กล่าว

ด้าน นายวิชัย กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ เป็นการดำเนินการเพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจต่อการปรับเปลี่ยนสถานะทางกฎหมายของพืชกระท่อมออกจากยาเสพติด เพื่อให้การใช้พืชกระท่อมในรูปแบบวิถีชาวบ้าน เช่น การเคี้ยวใบกระท่อมสด การนำมาชงชา หรือการต้มน้ำดื่มสำหรับตนในกลุ่มชาวไร่ชาวสวน รวมถึงรักษาอาการหรือโรคต่างๆ เช่น อาหารไอ ท้องร่วง ปวดท้องนั้น สามารถทำได้โดยไม่เป็นความผิด รวมทั้งแนวทางปฏิบัติการใช้พืชกระท่อมในอนาคต นอกจากนี้ภายในงานมีนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับพืชกระท่อมในหลากหลายมิติ อาทิ ชีววิทยาพฤกษเคมีของพืชกระท่อม งานวิจัยด้านคุณสมบัติทางเภสัชวิทยาและพิษวิทยาของกระท่อม ความรู้สถานะของพืชกระท่อมในต่างประเทศ นโยบายการขับเคลื่อนพืชกระท่อมของกระทรวงยุติธรรม รวมทั้งแนวทางการพัฒนาพืชกระท่อมสู่พืชเศรษฐกิจฐานชุมชน เป็นต้น

ด้าน นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า พืชกระท่อมอยู่คู่กับชาวใต้มานาน ทั้งการช่วยในการทำงาน รักษาโรค และความเชื่อของแต่ละบุคคล แต่ที่ผ่านมาผิดกฎหมายขัดแย้งกับวิถีชาวบ้าน หลังการที่ท่านตั้งใจปลดล็อกพืชกระท่อมจากยาเสพติด พวกเราเฝ้าดูกระบวนการต่างๆ ตั้งแต่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร จนผ่านการพิจารณาของวุฒิสภา พี่น้องชาวใต้ทุกคนรอ และเห็นความตั้งใจมุ่งมั่นของนายสมศักดิ์ ซึ่งสุราษฎร์ธานีเหมือนเป็นเมืองหลวงแห่งพืชกระท่อม ซึ่งได้อนุญาตจาก ป.ป.ส.ให้ทดลองปลูก โดยที่ปลูกที่ อ.บ้านนาสาร แข็งแรงดี มีการศึกษาวิจัยต่างๆ ซึ่งจะสามารถพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆได้

อย่างไรก็ตามในช่วงท้ายของงาน มีการเปิดให้ผู้ร่วมงานได้แสดงความคิดเห็นและสอบถามข้อสงสัย ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่อยากรู้ข้อจำกัดการปลูก โดยได้นำเสนอการปลูกพืชกระท่อมที่ใช้อุปโภคโดยไม่ต้องขออนุญาต และเห็นด้วยกับการปลูก 3 ต้นต่อครอบครัว และยังเห็นด้วยกับการปลูกเพื่อการพาณิชย์ที่ต้องขออนุญาต แต่ไม่จำกัดจำนวนว่าต้องปลูกกี่ไร่ โดยให้ดูกลไกความต้องการของตลาด ทั้งนี้ข้อมูลจากการรับฟังความคิดเห็นในครั้งนี้ นายสมศักดิ์ จะนำส่งต่อให้กับคณะกรรมการกฤษฎีกาในการร่างกฎหมายรองต่อไป