ผู้นำสหรัฐฯ “โจ ไบเดน” สั่งใช้ปฏิบัติการทางทหาร เป็นครั้งแรกในซีเรีย ถล่มเป้าหมายเป็นกลุ่มที่เชื่อว่าอิหร่านสนับสนุน หลังจากทหารอเมริกันถูกเล่นงานหลายระลอก
วันที่ 26 ก.พ.64 จอห์น เคอร์บี โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐ (เพนตากอน) แถลงว่า กองทัพสหรัฐฯ ปฏิบัติการโจมตีเป้าหมายหลายแห่งในซีเรียใกล้ชายแดนอิรัก เพื่อทำลายโครงสร้างพื้นฐาน ภายใต้การควบคุมของ “กองกำลังชีอะห์” ที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน รวมถึงกลุ่ม Kait’ib Hezbollah และ Kait’ib Sayyid al Shuhada การโจมตีครั้งนี้ เป็นไปตามคำสั่งของประธานาธิบดี โจ ไบเดน เพื่อตอบโต้การโจมตีทหารอเมริกัน และ กองกำลังนานาชาติในช่วงที่ผ่านมา และรับมือกับภัยคุกคามต่อกำลังพลเหล่านั้น การสั่งโจมตีมีขึ้นหลังจากสหรัฐหารือ กับ พันธมิตรและดำเนินมาตรการการทูตควบคู่ เป็นปฏิบัติการที่ผ่านการไตร่ตรอง ไม่ทำให้สถานการณ์ในภาพรวมลุกลามบานปลายทั้งในอิรักและซีเรียตะวันออก อีกทั้งเป็นการส่งสารอย่างชัดเจนว่า ประธานาธิบดีไบเดนจะปกป้องทหารอเมริกัน
นับเป็นครั้งแรกที่โจ ไบเดน อนุมัติใช้ปฏิบัติการทางทหาร นับตั้งแต่เข้าบริหารประเทศราวหนึ่งเดือน และเกิดขึ้นหลังจากเกิดเหตุกลุ่มไม่ทราบฝ่ายโจมตีทหารอเมริกันและผลประโยชน์อื่นๆในอิรักในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากมียิงจรวดโจมตีใกล้สนามบินเออร์บิล เขตกึ่งปกครองชาวเคิร์ดในอิรัก เมื่อ 15 ก.พ. คร่าชีวิตผู้รับเหมาที่ทำงานร่วมกับกองทัพสหรัฐ 1 คน กับมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 9 คน จำนวนนี้เป็นพลเรือนอเมริกัน 5 ทหาร 1
ต่อมาเมื่อสุดสัปดาห์ มีเหตุยิงจรวดโจมตีฐานทัพในอิรัก บาดเจ็บ 1 ราย ฐานทัพดังกล่าวเป็นสถานที่ ซึ่งบริษัทสหรัฐใช้สนับสนุนโครงการเอฟ-19 ของอิรัก และ ล่าสุดเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา จรวดลูกหนึ่งถูกยิงไปตกใกล้สถานทูตสหรัฐในกรุงแบกแดด ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ แต่มีรถยนต์เสียหาย 4 คัน อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไบเดนยังไม่เคยกล่าวโทษกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งว่าอยู่เบื้องหลัง โดยระบุว่าขอรอผลสอบสวนของอิรักก่อน จากนั้น จะตอบโต้อย่างเหมาะสมและรอบคอบ
เจ้าหน้าที่กองทัพสหรัฐระบุว่า เป้าหมายที่สหรัฐโจมตี เป็นส่วนหนึ่งของฏิบัติการลักลอบขนอาวุธของกลุ่มติดอาวุธ การถล่มครั้งนี้เพื่อบั่นทอนความสามารถในการโจมตีทหารอมเริกันและพันธมิตรในอนาคต