วันนี้ (7 มี.ค.60) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ธนาคารกรุงไทย สาขาสุรินทร์ ถนนธนสาร ต.ในเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ ได้พบกับนางกรรณิการ์ ขันงาม อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 109 ม.2 ต.โคกตะเคียน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ อาชีพข้าราชการครู และหลานชาย เป็นเภสัชกร ทำงานอยู่ เกาะช้าง จ.ตราด ทั้งคู่ส่วมเสื้อผ้าไว้ทุกข์ สีดำ กำลังหน้าเสีย เดินหาอะไรสักอย่าง ที่ทำตกหล่นไว้ จึงเข้าไปสอบถาม ทราบว่า ได้ทำสร้อยคอทองคำ หนัก 1 บาท ตกหาย และธนาคารกรุงไทย สาขาสุรินทร์ ได้แนะนำให้ไปแจ้งความที่ สภ.สุรินทร์ เพื่อขอดูกล้องวงจรปิดของทางธนาคาร
ผู้สื่อข่าวได้พา นางกรรณิการ์ ขันงาม เดินทางไปที่ สภ.เมืองสุรินทร์ แจ้งความต่อ พ.ต.ต.ไชยา เพชรงาม พนักงานสอบสวน สภ.เมืองสุรินทร์ ว่า เมื่อวันที่ 7 มี.ค.60 เวลาประมาณ 13.00 น. ได้เข้าไปไปรอเบิกเงินที่ที่ ธนาคารกรุงไทย สาขาสุรินทร์ ถนนธนสาร ต.ในเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ หลังเสร็จธุรจากธนาคารแล้ว ได้ออกจากธนาคาร แล้วนั่งรถยนต์กลับบ้าน จนถึงหลัก ก.ม.ที่ 8 ถนนสุรินทร์-ปราสาท ต.เฉนียง อ.เมือง จ.สุรินทร์ พบว่าสร้อยคอทองคำ หนัก 1 บาท พร้อมพระเลี่ยมทองได้ตกหลายไป จึงได้เข้าตรวจสอบที่ธนาคาร และธนาคารได้ให้มาแจ้งความเพื่อขอตรวจสอบกล้องวงจรปิดต่อไป
จากการสอบถาม นางกรรณิการ์ ขันงาม อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 109 ม.2 ต.โคกตะเคียน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ กล่าวว่า แม่เสียเมื่อวันที่ 3 มี.ค.60 วันนี้มาเบิกเงินที่ธนาคารเพื่อไปจัดงานเผาศพในวันที่ 8 มี.ค.60 ซึ่งวันที่ 3 มี.ค. แม่มาตายในวันเกิดตัวเอง ได้แต่ร้องไห้ กลับมาเสียของมีค่าแบบนี้อีก ก็ภาวนาขอให้ได้คืน โชคดีที่เจอนักข่าวอาสาช่วยเป็นธุระให้ ของที่ตกหายเป็นสร้อยคอทองคำ หนัก 1 บาท กับจี้พระ ราคาพันกว่าบาท แต่สุดท้ายดูกล้องวงจรปิดก็ยังไร้วี่แวว ว่าจะได้คืน วอนคนเก็บได้เห็นใจส่งคืน เพราะเป็นมรดกชิ้นสุดท้ายที่แม่ให้ไว้ก่อนตาย เพื่อไว้ดูต่างหน้า …/
