รมว.ยุติธรรม เปิดปฏิบัติการ “พาลีปราบยา” พร้อมตั้งคณะทำงาน ผนึก สถาบันการเงิน ติดตามเส้นทางธุรกรรมเครือข่าย เผย นายกฯ เอาจริงสั่งปราบปรามให้หมดสิ้นแผ่นดินไทย
วันที่5 ก.พ.64 เวลา13.30 น. ที่ กระทรวงยุติธรรม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม เป็นประธานจัดงาน “ยุติธรรมผลึกกำลังสถาบันการเงิน ตามติดเส้นทางการเงินผู้ค้ายาเสพติด” โดย ว่าที่ร.ต.ธนกฤต จิตอารีย์รัตน์ เลขาฯ รมว.ยุติธรรม นายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดยุติธรรม นายวิชัย ไชยมงคล เลขาฯป.ป.ส. นายอุทัย สินมา อธิบดีอัยการ สำนักงานคดียาเสพติด พ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวกุล รองอธิบดี ดีเอสไอ นายกอบศักดิ์ ดวงดี เลขาฯ สมาคมธนาคารไทย นายฉัตรชัย ศิริไล ประธานสมาคมสถาบันการเงินรัฐ ผู้บริหารกระทรวงยุติธรรม และผู้แทนจากธนาคารและสถาบันการเงิน อาทิ ธนาคารกรุงเทพ ,กสิกรไทย ,กรุงไทย ,ออมสิน ,กรุงศรีอยุธยา ,ไทยพาณิชย์ และ ธ.ก.ส. ร่วมงาน
นายสมศักดิ์ กล่าวเปิดงานว่า นโยบายรัฐบาล เรื่องการป้องกันและปราบรามยาเสพติด ได้ตั้งศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด เพื่อนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติอย่างจริงจัง โดย ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดได้ขอความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐเอกชนในการปฏิบัติงาน จากนั้นได้ตั้งคณะทำงานยึดทรัพย์สินของเครือข่ายยาเสพติด โดยให้สืบสวนสอบสวนบุคคลหรือกลุ่มที่ค้ายาเสพติด
“เราต้องทำให้สำเร็จ กระทรวงยุติธรรมกำหนดปฏิบัติการ พาลีปราบยา โดยแต่งตั้งคณะกรรมการ 16 คณะ ได้ทำงานนำร่องไปแล้ว โดยใช้สัญลักษณ์ รูปพญาพาลีสีเขียว เหยียบเหนือตราสิงโตคู่สีแดง จะมีการผนึกกำลังกับธนาคารและสถาบันการเงินเพื่อทำลายเส้นทางการเงินของเครือข่ายยาสเสพติด ทำให้ประเทศชาติพ้นภัย” นายสมศักดิ์ กล่าว
นายฉัตรชัย ศิริไล ประธานสมาคมสถาบันการเงิน กล่าวว่า ตนในฐานะตัวแทนสถาบันการเงินของรัฐ ยินดีให้ความร่วมมือติดตตามเส้นทางการเงินของขบวนการยาเสพติดอย่างเต็มที่ ซึ่งจะยกระดับเทคโนโลยีในการตรวจสอบ รวมถึงการแก้กฎหมายในอนาคตเพื่อสามารถอาญัติเงินผู้ต้องหาได้ดียิ่งขึ้น เรายืนยันยินดีที่จะช่วยงานปราบปรามยาเสพติดให้หมดสิ้นไป
นายกอบศักดิ์ กล่าวว่า สมาคมธนาคารไทยขอบคุณที่จัดงานครั้งนี้ เพื่อให้การตรวจสอบเส้นทางการเงินเครือข่ายยาเสพติดและสามารถยึดทรัพย์ได้อย่างจริงจัง เราพร้อมให้ข้อมูลทางการเงินด้วยความรวดเร็ว ที่ผ่านมาได้ประสานงานกับหน่วยงานต่างๆด้วยดีเสมอมา ปัจจุบันการรับส่งข้อมูลที่เปลี่ยนแปลงไปตามเทคโนโลยี เรามีการติดตามธุรกรรมของลูกค้า คัดกรองเบื้องต้นถึงความผิดปกติ และเมื่อมีคำสั่งจากภาครัฐเราพร้อมร่วมมือ ซึ่งเป็นภารกิจสำคัญ
” สิ่งสำคัญคือเราต้องรู้ว่าเงินอยู่ที่ไหน ใครส่งให้ใคร บัญชีเส้นทางและต้องตรวจสอบให้พบ ที่ผ่านมา ป.ป.ส. และ ดีเอสไอ จับกุมได้แค่ตัวยากับผู้ครอบครองและขนส่ง ขาดข้อมูล ไม่รู้ว่าเจ้าของธุรกรรมรายใหญ่คือใคร ดังนั้นวันนี้เราจึงจัดตั้งคณะทำงานร่วมกันระหว่างกระทรวงยุติธรรมกับธนาคารและสถาบันการเงินต่างๆ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลในการยึดทรัพย์จากเดิมปีละ 600 ล้านบาทเป็นไปตามเป้าหมายคือ 6,000 ล้านบาท ” เลขาฯสมาคมทหารไทย กล่าว