ศาลยกฟ้อง!! คดีฆ่า”ร่มเกล้า”ชี้พยานโจทก์ไม่น่าเชื่อถือ ไร้น้ำหนักรับฟังได้

ศาลอาญา ตัดสินยกฟ้อง 3 จำเลย คดีร่วมกัน ขว้างระเบิด ฆ่า “พล.อ.ร่มเกล้า” ขณะทำหน้าที่ ดูแลการชุมนุม กลุ่มนปช.เมื่อปี 2553 ชี้ พยานโจทก์ ไม่น่าเชื่อถือ และ ไม่มีน้ำหนักรับฟังได้

วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 ที่ห้องพิจารณา 813 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดีฆ่า พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม กับลูกน้อง หมายเลขดำ อ.857/2562 ที่พนักงานอัยการคดีพิเศษ1 และนางนิชา หิรัญบูรณะ ธุวธรรม ภรรยา พล.อ.ร่มเกล้า ร่วมกันเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสุขเสก หรือเสก พลตื้อ, นางพรกมล บัวฉัตรขาว หรือนางกนกพร ศิริพรรณาภิรัตน์ อดีตผู้ดำเนินรายการทีวีสถานีประชาชน ช่องเอเชียอัพเดต และนายสุรชัย หรือหรั่ง เทวรัตน์ แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานร่วมกันฆ่าและสนับสนุนให้ฆ่าผู้อื่นฯ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ

โดยโจทก์ฟ้องระบุพฤติการณ์ความผิดสรุปว่า เมื่อระหว่างวันที่ 15 พ.ย. 2552 – 20 พ.ค. 2553 กลุ่ม นปช. ได้ร่วมกันชุมนุมที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเพื่อขับไล่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี (ขณะนั้น) ให้ลาออกจากตำแหน่ง จนวันที่ 7 เม.ย. 2553 นายอภิสิทธิ์ ได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตกรุงเทพมหานคร และออกคำสั่งจัดตั้งศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) เพื่อปฏิบัติการขอคืนพื้นที่ บริเวณ ถ.ราชดำเนินกลาง ตั้งแต่แยกคอกวัวมุ่งหน้าอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

กระทั่งวันที่ 10 เม.ย. 2553 จำเลยที่ 1 และ 3 กับพวกร่วมกันมีลูกระเบิดขว้างชนิดสังหารแบบ M.67 คนละ 3 ลูก ซึ่งมีจำเลยที่ 2 เป็นผู้สนับสนุนด้านการเงิน และจัดหาระเบิดให้ โดยพวกจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้อื่นด้วยการขว้างระเบิดสังหาร 2 ลูก ใส่เจ้าหน้าที่ทหารขณะปฏิบัติหน้าที่บริเวณหน้าโรงเรียนสตรีวิทยา ถ.ดินสอ เป็นเหตุให้ พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม รองเสนาธิการกองพลทหารราบที่ 2 รอ.(ขณะนั้น) กับนายทหารรวม 5 นายเสียชีวิต และมีนายทหารอีกหลายนายได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยพวกจำเลยให้การปฏิเสธ

วันนี้ศาลเบิกตัวนายสุขเสกและนายสุรชัย จำเลยที่ 1, 3 จากเรือนจำมาศาล ส่วนนางพรกมลที่ได้รับการประกันตัวเดินทางมาศาล โดยศาลได้อ่านคำพิพากษาที่มีการบรรยายพิเคราะห์พยานหลักฐานที่โจทก์และจำเลยนำสืบอย่างละเอียดแล้ว คำเบิกความพยานโจทก์มีข้อพิรุธ อ้างเป็นผู้ติดตามจำเลยแต่ไม่มีเบอร์โทรศัพท์ติดต่อ ไม่รู้จักกลุ่ม นปช. ไม่มีแรงจูงใจทางการเมือง เชื่อว่าให้การทั้งที่ไม่รู้เห็น แต่ได้รับประโยชน์ตอบแทนจากการเข้าโครงการคุ้มครองพยาน ประจักษ์พยานโจทก์จึงไม่น่าเชื่อถือ ไม่มีน้ำหนักรับฟังได้ และศาลพิจารณาคำฟ้องจำเลยเปรียบเทียบกับคดี นปช.ก่อการร้าย ซึ่งเป็นบุคคลเดียวกัน มูลเหตุช่วงเวลาเดียวกัน ถือเป็นการฟ้องซ้อน พิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 1-3.