“อัษฎางค์ ยมนาค” นักวิชาการอิสระ โพสต์ ข้อความ ปลื้มปิติ ในหลวง ร.9 และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนิน ไปพบ “หลวงพ่อคูณ” เจ้าอาวาส วัดบ้านไร่
30 ม.ค.64 – นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยมีรายละเอียดดังนี้
วันที่ 16 พฤษภาคม 2558 ที่เฟซบุ๊ก นิทรรศการพลังแผ่นดิน อัศจรรย์งานศิลป์แผ่นดินสยาม ได้โพสต์บทความเรื่อง “พระเจ้าอยู่หัวกับ…พระอริยสงฆ์แห่งแผ่นดิน” ซึ่งเล่าเรื่องราวเมื่อครั้งที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯ มาที่วัดบ้านไร่ เมื่อวันที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2538 โดยครั้งนั้น พระเทพวิทยาคม หรือคูณ ปริสุทโธ พระเกจิแห่งบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ได้เข้าเฝ้าฯ ทูลเกล้าฯ ถวายเงินปัจจัย จำนวน 72 ล้านบาท
ทั้งนี้ยังมีเรื่องราวที่ลูกศิษย์ได้ไต่ถามหลวงพ่อคูณว่า ในหลวงตรัสอะไรกับท่านบ้าง และท่านเรียกในหลวงว่าอย่างไร ซึ่งคำตอบนั้นแสดงให้เห็นถึงไหวพริบ และ วิจารณญาณของหลวงพ่อคูณที่ท่านเลือกใช้คำพูดอย่างถูกกาลเทศะ และทราบถึงพระจริยวัตรและน้ำพระทัยอันยิ่งใหญ่ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ไม่ถือพระองค์
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ ได้เสด็จฯ มาที่วัดบ้านไร่ เพื่อทรงประกอบพิธีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่บุษบกเหนือพระอุโบสถ เหล่าพสกนิกรชาวบ้าน และพื้นที่ใกล้เคียงต่างก็ได้มารวมตัวกัน เพื่อชื่นชมในพระบารมี เฝ้ารับเสด็จทั้งสองพระองค์อย่างเนืองแน่น ทั้งนี้ ได้การจัดสร้างพระยอดธงรุ่นแรก หรือ รุ่นทูลเกล้าเนื่องในโอกาสดังกล่าว
เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงทราบถึงความลำบากยากแค้นของชาวด่านขุนทด ซึ่งประสบปัญหาขาดแคลนน้ำทุกปี จึงพระราชทานพระราชดำริและเงินจำนวนที่ได้รับจากหลวงพ่อคูณจำนวน 72 ล้านบาท ให้กรมชลประทานดำเนินการโครงการเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวด่านขุนทด ภายใต้ชื่อ “โครงการพัฒนาลำน้ำสาขาห้วยสามบาท อันเนื่องมาจากโครงการพระราชดำริ”
หลวงพ่อคูณ เปิดเผยกับลูกศิษย์ว่า “กูรู้สึกดีใจอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ บุญทานอื่นทำมามาก แต่ทำบุญกับพระเจ้าอยู่หัวยังไม่ได้ทำ.. ทำบุญกับท่านยิ่งใหญ่นัก ได้ทูลเกล้าฯ ถวาย ๗๒ ล้านบาท ภูมิใจมหาศาล เงินที่ลูกหลานบริจาคทีละเล็กละน้อยสะสมรวมไว้เพื่อทูลเกล้าฯ ถวาย พี่น้องจะได้รับอานิสงส์ด้วย พี่น้องรู้ว่าทูลเกล้าฯ ถวายพระเจ้าอยู่หัว ก็ดีใจมาก ชาวต่างประเทศก็มากันมาก จีนก็มา เกาหลีก็มา อินเดียก็มา ทำแล้วแต่กำลัง คนละสิบบาท ยี่สิบบาท มากันทุกวัน ยิ่งถ้ามาช่วยกันแล้วก็ไม่ได้มาหาสิ่งตอบแทนอะไร เขามาด้วยศรัทธากันจริง ๆ”
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้า ที่จะมีงานใหญ่ บรรดาลูกศิษย์ต่างก็พากันเป็นห่วง กลัวว่าหลวงพ่อคูณท่านจะพูดราชาศัพท์ไม่ได้ ซึ่งเรื่องนี้หลวงพ่อท่านก็บอกว่า “จะไปยากอะไร ก็พูดว่าขอถวายพระพรมหาบพิตร หรือไม่ก็ถวายพระพรคุณโยม ท่านสบายดีหรือ … ท่านคงจะไม่ถือ เพราะท่านเป็นจอมปราชญ์ พูดอย่างไรกับท่าน ท่านก็ย่อมรู้ดี”
ไหวพริบและวิจารณญาณของหลวงพ่อคูณช่างน่ายกย่อง ท่านเลือกใช้คำพูดอย่างถูกกาลเทศะ และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ดีว่าพระองค์ท่านไม่เคยถือตัวถือตนว่าเป็นพระมหากษัตริย์เลย เป็นจอมปราชญ์ดังที่หลวงพ่อคูณกล่าวยกย่องอย่างแท้จริง คราวนั้นทั้งสองพระองค์ทรงปลูกต้นคูณไว้ด้วย ที่เราสามารถเห็นได้ที่ลานกลางวัด และว่ากันว่าเป็นวันที่หลวงพ่อคูณภูมิใจมากที่สุดในชีวิต และจากคำบอกเล่าของลูกศิษย์ใกล้ชิด เคยถามหลวงพ่อว่า ในหลวงตรัสอะไรกับหลวงพ่อบ้าง
หลวงพ่อคูณเงียบเพียงครู่ ก่อนจะตอบมาเบา ๆ ว่า “มึงรู้ไหม มือพระองค์เป็นมือคนทำงานอย่างก๊ะชาวไร่ชาวนา แข็งกระด้างมาก ๆ” และเมื่อถูกถามอีกว่า “หลวงพ่อใช้คำเรียกพระองค์ว่าอะไร” หลวงพ่อท่านเงียบ แล้วก็ตอบว่า พระองค์ตรัสประโยคแรกว่า “หลวงพ่อครับ พูดตามปกตินะครับ ผมเป็นคนไทย”