เหตุเข้าใจผิด ทหารพรานยิงตร.นราฯ สาหัส 2 อส.ตาย1 ขณะขับไล่ตามคนร้าย

ตำรวจนราธิวาส ตรวจจับยาบ้า มีชายฉกรรจ์น่าสงสัยขับรถเก๋งผ่านมา ก่อนขับหนี ตำรวจ 2 นาย กับอส.1 จึงขับไล่ตามจากในเมืองไปถึงเจาะไอร้อง ยิงยางล้อเพื่อให้รถหยุด​ โชคร้ายทหารพรานที่กำลังลาดตระเวน คิดว่าถูกคนร้ายยิง เลยยิงใส่รถ ถูกอส.ตายคาที่ ตำรวจ 2 นาย บาดเจ็บสาหัส…

เวลา 06.00 น. วันที่ 7 มี.ค. 60 พ.ต.ท.อาภากร วิรุฬปักษา รอง ผกก.สืบสวน สภ.เมืองนราธิวาส ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ 3 ฝ่าย จำนวน 20 นาย เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 87 บ้านรายา ม.1 ต.บางปอ อ.เมืองนราธิวาส ซึ่งเป็นบ้านของนายบุสบาล ยา อายุ 26 ปี พบยาบ้า จำนวน 50 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ในบ้านพัก ขณะเจ้าหน้าที่กำลังแยกย้ายกันตรวจค้นอยู่นั้น ได้มีรถยนต์เก๋งยี่ห้อนิสสัน รุ่นอัลเมร่า สีขาว ไม่ทราบหมายเลขทะเบียนและหมวดอักษร มีชายฉกรรจ์ 1 คน ขับผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้แสดงตัวเพื่อขอตรวจค้น แต่ชายฉกรรจ์ในรถได้ขับหลบหนี ด.ต.เชาวลิต ชูเผือก ผบ.หมู่งานสืบสวน สภ.เมืองนราธิวาส ส.ต.ท.วัชระ แสงสุรินทร์ ผบ.หมู่งานสืบสวน สภ.เมืองนราธิวาส และ อ.ส.อามาน ลาเต๊ะ ซึ่งเป็น อส.ประจำ อ.เมืองนราธิวาส ได้ขับรถกระบะโตโยต้า สีขาว ทะเบียน ฒพ 2750 กรุงเทพมหานคร ไล่ติดตามไปตามถนนจารุเสถียร สาย อ.เมืองนราธิวาส ไป อ.เจาะไอร้อง

จนกระทั่งถึงบ้านบาโงดุดุง ม.6 ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง ชายฉกรรจ์ดังกล่าวได้ขับรถยนต์เก๋งเข้าหมู่บ้าน เจ้าหน้าที่จึงได้ใช้อาวุธปืนยิงขึ้นฟ้าจำนวนหลายนัด และยิงยางล้อเพื่อให้รถหยุด ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารพราน 4808 ฐานบ้านบาโงดุดุง ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ รปภ.เส้นทางริมถนนดังกล่าวเข้าใจว่าคนร้ายยิงเข้ามา ทหารพรานจึงใช้อาวุธปืนประจำกายยิงใส่รถเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม เป็นเหตุให้นายอามาน ลาเต๊ะ อส.อ.เมืองนราธิวาส ที่นั่งอยู่ท้ายกระบะหลังเสียชีวิตคาที่ ด.ต.เชาวลิต ชูเผือก ถูกกระสุนที่หน้าอกขวา และ ส.ต.ท.วัชระ ถูกกระสุนปืนที่หัวไหล่ ส่วนชายฉกรรจ์ดังกล่าวสามารถหลบหนีไปได้

ต่อมา พลเมืองดีและทหารพราน ฉก.นราธิวาส 48 ได้ช่วยกันนำศพผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บส่งรักษาที่โรงพยาบาลเจาะไอร้อง เป็นการด่วน แต่ ด.ต.เชาวลิต และ ส.ต.ท.วัชระ อาการสาหัส แพทย์ได้ส่งตัวรักษาต่อที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์.

ขณะที่ พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาค 4 ผอ.รมน.ภาค 4 กล่าวถึงเหตุการณ์ทหารพรานยิงรถเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ไล่ตามรถต้องสงสัย ว่า ได้รับรายงานในเบื้องต้นแล้ว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาจากความเข้าใจผิด เนื่องจากขณะเกิดเหตุ มีเจ้าหน้าที่ทหารพรานกำลังลาดตระเวนเส้นทางในพื้นที่เพื่อรักษาความปลอดภัยคณะครู เมื่อได้ยินเสียงปืนจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ และอส.ที่ขับรถไล่ติดตามและได้ยิงปืนขึ้นฟ้าเพื่อให้รถต้องสงสัยหยุด พร้อมทั้งเป็นการยิงแจ้งเตือนให้เจ้าหน้าที่ทหารพรานได้ช่วยยิงสกัดคนร้าย แต่ปรากฏว่า เกิดความผิดพลาด โดยทหารพรานชุดดังกล่าว ซึ่งได้ระมัดระวังตัวตลอดเวลาในการปฏิบัติหน้าที่ขณะทำการลาดตระเวนตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา เกิดเข้าใจว่า ฝ่ายตนถูกกลุ่มคนร้ายยิงใส่ จึงได้ยิงโต้ตอบไป กระสุนไปถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ และ อส.เสียชีวิต

“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้โทษฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด เพราะทุกฝ่ายพยายามปฏิบัติหน้าที่ของตนอย่างดีที่สุดแล้ว ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นมาจากสถานการณ์ความกระชั้นชิดในการติดตามของเจ้าหน้าที่ตำรวจและ อส. อีกทั้งรถที่ใช้ไม่มีตราหรือสัญลักษณ์ใดๆ ซึ่งได้พยายามเร่งไล่ตามยานพาหนะของคนร้าย โดยไม่สามารถแจ้งประสานงานกันได้ทันท่วงที จึงบังเกิดเหตุสลดขึ้น” แม่ทัพภาค4 กล่าว…