เปิดดีลล่าสุด สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จับมือสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ อดีตประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ตั้งพรรคการเมืองใหม่ ตั้งเป้าเป็นพรรคขนาดใหญ่
หลังนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และคณะอาทิ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตรมว.พลังงานและเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ นายอุตตม สาวนายน อดีตรมว.คลัง และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นต้น ล่าออกจากพรรคพลังประชารัฐและจากรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็มีข่าวจะมีการตั้งพรรคการเมืองเพื่อขับเคลื่อนแนวคิดการพัฒนาประเทศ แต่ยังไม่มีความคืบหน้า ขณะที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ อดีตประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ก็ได้ตัดสินใจลาออกจากพรรคเพื่อไทย เพื่อขับเคลื่อนทางการเมืองของตนเอง ด้วยการตั้งพรรคการเมืองแต่ยังไม่มีความคืบหน้าเช่นเดียวกัน
คุณหญิงสุดารัตน์ ก่อนหน้านี้ มีกระแสข่าวว่า จับมือกับสมาชิกวุฒิสภา ในสายทหารที่สนิทสนมกับบิ๊กป้อม พล.อ.ประวิทย์ วงศ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เพื่อเป็นปีกหนึ่งของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ แต่ได้มีการปฏิเสธจากฝ่ายพล.อ.ประวิทย์ อย่างไรก็ตาม ล่าสุด มีรายงานว่า คุณหญิงสุดารัตน์ ได้เจรจากับนายสมคิด เพื่อจัดตั้งพรรคการเมืองร่วมกัน
‘คุณหญิงสุดารัตน์ มีความใกล้ชิดกับนายสมคิด เมื่อครั้งร่วมรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร จึงไม่ยากที่จะพบปะเจรจากัน เหมือนก่อนหน้านี้ที่นายสมคิดเจรจาดึงกลุ่มนายสมศักดิ์ เทพสุทิน (รมว.ยุติธรรรม) นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ (รมว.อุตสาหกรรม) เข้าร่วมพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งในการจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่นายสมคิด จะอยู่เบื้องหลังเหมือนเดิน โดยจะให้นายสนธิรัตน์ และนายอุตตม ออกหน้ารับตำแหน่งในพรรคเหมือนกรณีการจัดตั้งพรรคพลังประชารัฐ’ แหล่งข่าวใกล้ชิดนายสมคิด กล่าว
แหล่งข่าวคนเดียวกัน กล่าวว่า การเจรจามีความคืบหน้าระดับหนึ่ง แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปของผู้ที่จะดำรงตำแหน่งภายในพรรค โดยจะมีการเกลี่ยตำแหน่ง เลขาธิการพรรคกับหัวหน้าพรรค หากสายคุณหญิงสุดารัตน์ ได้ตำแหน่งหัวหน้าพรรค สายนายสมคิด ก็จะนั่งเลขาธิการพรรค
‘พรรคการเมืองใหม่ ตั้งเป้าเป็นพรรคขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ โดยชูคุณหญิงสุดารัตน์ หรือนายสมคิด เป็นนายกฯ โดยในสายนายสมคิด ยังมีส.ส.และสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ส่วนหนึ่งมาอยู่ด้วย ส่วนสายคุณหญิงสุดารัตน์ จะมีส.ส.ในสายที่สนิทกับคุณหญิงสุดารัตน์ โดยเฉพาะสายกทม. และสายอีสาน มาเข้าร่วมด้วย เนื่องจากมีการวิเคราะห์ว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญอาจไม่เสร็จในสมัยสภาชุดนี้ หรือแก้ไขเสร็จแต่ผลบังคับใช้จะไม่ทันกับสภาชุดใหม่ ที่ล้อคตำแหน่งนายกฯไว้ในมือ ส.ว. 250 คน แนวโน้มขั้วอำนาจยังอยู่สายสายพล.อ.ประยุทธ์ พรรคเพื่อไทยมีโอกาสยากที่จะได้เป็นรัฐบาล ขณะเดียวกัน พรรคใหม่เป็นพรรคกลางๆ ที่ไม่มีกระแสต่อต้านจากฝ่ายไหน สามารถจับมือทุกพรรคเป็นรัฐบาลได้ ไม่เหมือนเพื่อไทยกับพลังประชารัฐที่ถูกล้อคไว้กับขั้วการเมืองฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ซึ่งหากการเจรจายุติก็จะมีการแถลงข่าวร่วมกัน ซึ่งจะสร้างความฮือฮาในแวดวงการเมืองไม่น้อย’ แหล่งข่าวกล่าว