นายกฯ ไม่ห้าม กรณี องค์กรปกครองท้องถิ่น จะใช้งบฯจัดซื้อ วัคซีนโควิด-19 มาให้บริการประชาชน ว่าถือเป็นสิทธิที่ทำได้ แต่วัคซีน ได้ได้มาตรฐาน ผ่านการรับรองจาก อย.
วันที่ 13 ม.ค.64 ที่ ทำเนียบนรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่ องค์กรปกครองท้องถิ่น (อปท.) หลายแห่ง ประกาศจะจัดหาวัคซีนมาฉีดให้กับประชาชนในพื้นที่ของตัวเอง นายกฯ กล่าวว่า ก็เป็นโอกาสที่ทำได้ ซึ่งเปิดโอกาสให้สามารถนำเข้าวัคซีนมาได้ หากจะใช้เงินท้องถิ่นก็ถือเป็นสิทธิ์และเป็นเรื่องของสภาท้องถิ่นจะจัดซื้อที่ไหนอย่างไรก็ว่ามา หากท้องถิ่นนำเข้ามา และผ่านมาตรฐานของคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) สิ่งสำคัญหลายคนตั้งความหวังกับวัคซีนมาก รัฐบาลจำเป็นต้องหาหลายช่องทาง หลากหลายประเทศ
แต่ท้ายที่สุดต้องผ่านมาตรฐาน อย. ถ้ายังไม่ผ่านเราต้องระมัดระวังที่สุดในเรื่องของผลค้างเคียงอะไรต่างๆ เยอะแยะ วันนี้เป็นที่น่ายินดีว่าวัคซีนที่ บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด ผลิตอยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้ ส่วนอื่นๆ ก็ยังต้องตรวจสอบกันต่อไป แต่เราก็เชื่อมโยงไว้หมด ไม่ว่าจะของใครก็ตาม และตนคิดว่าการผลิตวัคซีนจะมีมากขึ้น และต้องดูว่าประเทศต้นทางรับรองมาตรฐานหรือเปล่านั่นคือประเด็นสำคัญ ตนจะต้องตัดสินใจตรงนี้ แม้เราจะมีวัคซีนเข้ามาก็ตามก็ต้องเร่งรัดการรับรองมาตรฐานจะทำอย่างไร ซึ่งต้องระมัดระวังผลกระทบข้างเคียงของประชาชน
ต่อข้อถามถึงสถานการณ์ภาพรวมล่าสุดของการแพร่ระบาดโควิด-19 ภายในประเทศ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ได้มีการรายงานตัวเลขมาอยู่ที่ประมาณร้อยกว่าคน ช่วงนี้มันก็จะเป็นแบบนี้ขึ้นๆลงๆ แสดงว่าความร่วมมือของประชาชนมากยิ่งขึ้นในการตรวจคัดกรอง โดยเฉพาะการงดการเดินทางโดยที่ไม่จำเป็น อันนี้ทำให้การแพร่ระบาดคลี่คลายได้เร็ว และมีการคัดกรองคนเข้าระบบมากขึ้น สิ่งสำคัญที่สุดต้องร่วมมือกัน ไม่ว่ารัฐบาลจะออกมาตรการใดก็ตาม ถ้าประชาชนไม่ร่วมมือกันก็ทำไม่ได้ทั้งหมด เหมือนกฎหมายที่คนทั้งประเทศต้องเคารพ ถ้าเราไม่เคารพกฎหมายก็จะเป็นต้นทางสาเหตุที่ทำให้ปัญหายุ่งยากขึ้นเรื่อยๆ ท้ายที่สุดทุกคนก็มาลง มาโทษที่รัฐบาล ซึ่งจริงๆรัฐบาลมีกฎหมายทุกตัวอยู่แล้ว ทุกคนต้องเคารพกฎหมายทุกฉบับ ไม่ใช่เลือกปฏิบัติ บางฉบับ หรือเลือกเอารัฐธรรมนูญมาพูด เอากฎหมายลูกมาพูด มันสับสนอลหม่านไปหมด กรุณาคิดให้อยู่ในกรอบเสียบ้าง รัฐบาลทำอย่างเต็มที่แล้ว