นางวรารัตน์ อติแพทย์ เลขาธิการวุฒิสภา ทำหนเาที่เลขาธิการสนช. ได้ทำหนังสือชี้แจงระบุว่า การนำเสนอข้อมูลว่า สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติต้องการทำลายพุทธศาสนาให้สูญสิ้นไปจากแผ่นดินไทยในการแก้ไขพรบ.สงฆ์ อ้างรายชื่อ มุสลิม 63 คน เป็นข้อมูลอันเป็นเท็จ ไม่มี รายชื่อแม้แต่คนเดียว ถือว่า มีความผิด ตามมาตรา 366 มาตรา 328 ความผิดหมิ่นประมาท มาตรา และการกระทำความผิดเกี่ยวกับนำข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา อาจดำเนินคดีกับท่าน จึงขอให้แก้ไขข้อมูลให้ถูกต้อง
พล.โท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นที่น่าสังเกตุว่าหลังจากที่คสช.ออกคำสั่งตามมาตรา 44 ควบคุมพื้นที่วัดพระธรรมกายก็มักจะมีข่าวบิดเบือนสร้างความเข้าใจผิดต่อเจ้าหน้าที่รัฐออกมาอย่างต่อเนื่อง เช่น ข่าวสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)และนายกรัฐมนตรีเป็นมุสลิมจึงต้องการทำลายพระพุทธศาสนา รวมถึงข่าวล่าสุดกรณีมีผู้เสียชีวิตในวัดพระธรรมกายด้วย จึงอยากวิงวอนให้พี่น้องประชาชนใช้วิจารณญาณแยกแยะระหว่างเรื่องจริงกับเรื่องไม่จริง อย่าตกเป็นเหยือหลงเชื่อข้อมูลที่บิดเบือน โดยต้องตรวจสอบแหล่งที่มาของข่าวให้ถูกต้องชัดเจน พร้อมทั้งขอให้ผู้ที่ไม่หวังดีหยุดพฤติกรรมมุ่งร้าย สร้างความสับสนหรือเป็นชนวนของความแตกแยก”
ด้านพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรนี ตอบคำถามนักข่าวกรณีมีกลุ่มผู้ไม่หวังดีสร้างกระแสว่า มุสลิมอยู่เบื้องหลังบุกวัดพระธรรมกาย อีกทั้งมีพระชื่อดังของประเทศเมียนมากล่าวหามุสลิมไทยว่า ขออย่าไปกดดันซึ่งกันและกัน ซึ่งบางคนก็อยากให้มีปัญหาระหว่างพุทธกับมุสลิม ยืนยันว่าประเทศไทยมีไม่ได้ เพราะเป็นคนไทยทั้งสิ้น
“ก่อนหน้านี้มีคนกล่าวหาว่า ผมเปลี่ยนศาสนา แล้วต้องการยึดพื้นที่ให้กับมุสลิม มันเป็นไปได้หรือไม่ จะทำไปเพื่ออะไร”นายกรัฐมนตรี กล่าว
กรณีเรื่องที่มีการพยายามแชร์ ภาพหรือเรื่องที่ไม่จริงและบิดเบือนนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทางหน่วยงานที่รับผิดชอบทั้ง ฝ่ายความมั่นคง กอรมน.และ ตำรวจที่ดูแลเรื่องของการนำเข้าเผยแพร่สื่อคอมพิวเตอร์ ก็ติดตามตรวจสอบ จับกุมผู้กระทำผิดกันอยู่แล้ว