นับถอยหลังจากนี้ เหลือเวลาอีกประมาณ 2 สัปดาห์ ประมาณ 14-15 วัน ศาลรธน.จะมีคำวินิจฉัย ชี้ชะตา อนาคต “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา บุคคลสำคัญทางการเมืองไทย
กรณีศาลรัฐธรรมนูญนัดฟังคำตัดสินกรณีที่มีการร้องขอให้วินิจฉัยว่าพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้พักอาศัยในบ้านพักของกองทัพบกหลังจากพ้นตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก แล้ว เป็นการได้รับประโยชน์อันเป็นการขัดกันเรื่องผลประโยชน์และอื่นๆ ขอให้วินิจฉัยว่าพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา พ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
หลังจากกองทัพบกซึ่งเป็นเจ้าของสถานที่ได้ยื่นคำชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญแล้ว ศาลเห็นว่าข้อเท็จจริงเพียงพอที่จะวินิจฉัยคดีได้แล้ว จึงมีคำสั่งให้งดการไต่สวน และนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 2 ธันวาคม นี้
จึงเป็นเรื่องฮือฮาในวงการเมืองและกฎหมาย เพราะต้องถือว่าเป็นเรื่องสำคัญเกี่ยวกับตำแหน่งหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญก็เคยวินิจฉัยเป็นตัวอย่างให้เห็นมาแล้ว และเป็นผลให้อดีตนายกรัฐมนตรีอย่างน้อยสองคนพ้นจากตำแหน่งไป
การที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งงดการไต่สวนหลังจากได้รับคำชี้แจงของกองทัพบกก็มีความหมายอยู่ในตัวว่าตามคำคู่ความที่มีการยื่นต่อศาลและตามเอกสารหลักฐานที่มีการยื่นและชี้แจงต่อศาลนั้นข้อเท็จจริงแห่งคดีเพียงพอเป็นข้อยุติที่ศาลจะรับฟังได้แล้วโดยไม่ต้องทำการไต่สวนอีกต่อไป ศาลจึงมีคำสั่งให้งดการไต่สวนและนัดฟังคำตัดสิน
เพราะเหตุที่คดีอยู่ระหว่างการวินิจฉัย ดังนั้นจึงไม่ควรที่ใครจะออกความคิดความเห็นว่าผลคดีจะเป็นอย่างไรเพราะเป็นการก้าวล่วงและไม่เคารพต่อศาล แต่ทว่าความเป็นไปได้ทั้งหมดที่ศาลจะวินิจฉัยคดีเป็นอย่างไร และผลที่จะเกิดขึ้นเป็นอย่างไรนั้นอยู่ในวิสัยที่จะพิจารณากันได้
ดังนั้นในเรื่องแรกคือความเป็นไปได้ทั้งหมดที่ศาลจะวินิจฉัยเห็นจะมีดังต่อไปนี้
ความเป็นไปได้ที่หนึ่ง ข้อเท็จจริงอันเป็นที่ยุติในสำนวนคดีนั้นฟังได้ว่าไม่เป็นความผิด และยกคำร้อง
ความเป็นไปได้ที่สอง ข้อเท็จจริงอันเป็นที่ยุติในสำนวนคดีนั้นฟังได้ว่าเป็นความผิด และเป็นผลให้นายกรัฐมนตรีต้องพ้นจากตำแหน่ง แบบเดียวกันกับนายสมัคร สุนทรเวช และคนอื่นๆ
ความเป็นไปได้ที่สาม ข้อเท็จจริงอันเป็นที่ยุติในสำนวนคดีนั้นฟังได้ว่าเป็นความผิด แต่ไม่ถึงขั้นที่จะต้องพ้นจากตำแหน่ง
จะเป็นไปทางใดก็ต้องติดตามผลกันในวันที่ 2 ธันวาคม นี้กัน
และเมื่อคาดคำนึงถึงผลทุกทางดังกล่าวแล้ว ในทางการเมืองจะเกิดอะไรขึ้น ก็พอจะคาดหมายได้ดังนี้
ประการแรก ถ้าผลของการตัดสินทำให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา สามารถดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไปไม่ว่าด้วยเหตุผลประการใด ประเทศไทยก็จะเป็นไปดังที่เป็นมา
ประการที่สอง ถ้าผลของการตัดสินทำให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา พ้นจากตำแหน่ง กรณีก็เป็นอำนาจของรัฐสภาที่จะประชุมและเลือกนายกรัฐมนตรีกันต่อไปตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งในเบื้องต้นก็ต้องเลือกจากบัญชีรายชื่อที่มีการเสนอไว้ก่อนเลือกตั้ง ได้แก่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ, คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์, นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์, นายอนุทิน ชาญวีรกูล และนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
ส่วนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็มีชื่ออยู่เหมือนเดิม แต่จะมีโอกาสได้รับเลือกหรือไม่ ยังขึ้นอยู่กับผลคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ว่าจะมีผลเป็นการตัดสิทธิ์ทางการเมืองด้วยหรือไม่ ถ้าไม่มีผลเช่นนั้นพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็มีสิทธิ์ที่จะได้รับการเสนอชื่อด้วย แต่ถ้าผลของการตัดสินของศาลเป็นการตัดสิทธิ์ทางการเมือง ก็ทำให้ไม่มีสิทธิ์ที่จะได้รับการเสนอชื่อ ซึ่งต้องคอยติดตามผลประการนี้อีกครั้ง ในวันที่ 2 ธันวาคม
ถ้าหากรัฐสภาไม่สามารถเลือกนายกรัฐมนตรี คือผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อไม่ได้รับคะแนนเสียงที่เพียงพอ ก็จะต้องเลือกจากบุคคลภายนอก ตามเงื่อนไขที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้
เป็นประเด็นร้อนที่ ทุกฝ่ายกำลังติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะมันมีผลกระทบอย่างยิ่ง ต่อ การเมืองไทย !