จุฬาราชมนตรี ระดมพลังมุสลิม ปกป้อง ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ขอพรประเทศเป็นสุข

จุฬาราชมนตรี นำชาวไทยมุสลิม ร่วมแสดงพลัง “มุสลิม ปกป้องสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์” เน้นย้ำความสำคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์ และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และร่วมกันขอพรให้ประเทศไทยมีความร่มเย็นเป็นสุข

วันที่10 พ.ย.63 ชาวไทยมุสลิมจากทั่วประเทศพร้อมใจสวมชุดเสื้อผ้า โทนสีเหลือง มาร่วมงาน “รวมพลังมุสลิม ปกป้องสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์” ซึ่งสำนักจุฬาราขมนตรี จัดขึ้นหอประชุมศูนย์บริหารกิจการศาสนาอิสลามแห่งชาติ เฉลิมพระเกียรติ แขวงคลองสิบ เขตหนองจอก กรุงเทพมหานคร โดยได้ร่วมกันโบกธงชาติไทยและธงตราสัญลักษณ์ พร้อมเปล่งเสียงทรงพระเจริญ ดังกึกก้อง เพื่อแสดงออกถึงพลังการปกป้องสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ก่อนมีพิธีเปิดงาน

โดยขอให้พี่น้องมุสลิม ได้แสดงความจงรักภักดีและความรักความห่วงใยในสถาบันหลักของประเทศที่ทำให้ปวงชนชาวไทย ทุกเชื้อชาติและศาสนาสามารถอยู่ร่วมกันได้ด้วยความผาสุกตลอดมา อีกทั้งมีสิทธิและเสรีภาพในการดำเนินชีวิตและประกอบศาสนกิจตามความเชื่อของแต่ละศาสนาได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ โดยเฉพาะมุสลิมไทยที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณมาตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน

จึงต้องรู้สำนึกในบุญคุณและแสดงความขอบคุณต่อผู้มีพระคุณ ซึ่งเป็นลักษณะอย่างหนึ่งของคนที่รู้คุณและจะได้รับคุณนั้นตอบแทนจากอัลลอฮ์ พระผู้เป็นเจ้า และขอให้การจัดงานรวมพลังในวันนี้เป็นเครื่องเตือนใจและเตือนสติความเป็นไทยแก่ทุกคน ให้มีความรักความสามัคคี มีความอะลุ้มอล่วยความประนีประนอมเป็นที่ตั้ง พร้อมกันนี้จุฬาราชมนตรี ได้นำกล่าวขอพรจากอัลลอฮ์ พระผู้เป็นเจ้าให้ประเทศไทยมีความร่มเย็นเป็นสุข และมีการประกาศเจตนารมณ์ของพี่น้องชาวไทยมุสลิม

พล.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเร่ เลขาธิการคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จุฬาราชมนตรี คณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย คณะกรรมการอิสลามประจำกรุงเทพมหานคร และคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด มีความห่วงใยเป็นอย่างยิ่งต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความรักความสามัคคีของคนในชาติ จึงจัดงานในครั้งนี้ขึ้น

เพื่อเน้นย้ำถึงความสำคัญของสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ และเพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทยมุสลิม นับจากอดีตจนถึงปัจจุบัน พระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์ทรงเป็นอัครศาสนูปถัมภก ศาสนาอิสลามจึงส่งเสริมให้แสดงความกตัญญูและสำนึกในบุญคุณของผู้มีพระคุณ โดยเฉพาะผู้ที่ช่วยทำนุบำรุงความเจริญของศาสนา และเพื่อให้พี่น้องมุสลิมได้ร่วมกันขอพร (ดุอา) ให้สังคมและประเทศชาติมีความร่มเย็นเป็นสุข